TU บวกเกือบ 3% โบรกฯ แห่อัพเป้า-ปรับกำไรปี 63-64 เพิ่ม รับธุรกิจอาหารกระป๋องแปรรูปโต

TU บวกเกือบ 3% โบรกฯ แห่อัพเป้า-ปรับกำไรปี 63-64 เพิ่ม รับธุรกิจอาหารกระป๋องแปรรูปโต ล่าสุดอยู่ที่ 15.90 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.58% มูลค่าซื้อขาย 526.74 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ล่าสุด ณ เวลา 11.20 น. อยู่ที่ 15.90 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.58% สูงสุดที่ 16 บาท ต่ำสุดที่ 15.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 526.74 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TU ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาท อิง PER ปี 2563 ที่ 16 เท่า จากเดิมที่ 18.00  จากการปรับกำไรขึ้นข้างต้น  ทั้งนี้เชื่อว่า ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ปัจจัยหนุนคือ อาหารกระป๋องแปรรูป ambient seafood ยังมีความต้องการที่สูงจากการสำรองอาหารจากการกลับมาระบาดของโควิด-19

โดย TU รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ที่ 2.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 20% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ดีกว่าตลาดคาด 14% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดที่ 18.2% สูงกว่าที่คาดที่ 17.5% เนื่องจากการเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์ในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่มีอัตรากำไรสูง ขณะที่ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งมียอดขายฟื้นตัวขึ้นจากการคลายการปิดเมือง ส่วนกำไรสุทธิ 9 เดือนปี 2563 คิดเป็นถึง 87% ของประมาณการเดิมของกำไรสุทธิทั้งปี

ดังนั้นจึงปรับกำไรปี 2563 ขึ้น 9% มาอยู่ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการปรับอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 17.5% จากประมาณการเดิมที่ 17.0% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาดมาก โดยอัตรากำไรขั้นต้น 9 เดือนปี 2563 อยู่สูงที่ 17.6%

ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 4/63 อาจจะอ่อนลงเล็กน้อยเพราะเป็น low season เนื่องจากเป็นช่วงอากาศหนาวและการทานอาหารนอกบ้านในต่างประเทศน้อย แต่คาดว่าอาหารทะเลกระป๋องแปรรูปยังมีแนวโน้มดี จากการสำรองอาหารเพราะโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังได้ปรับกำไรปี 2564  ขึ้น 10% มาอยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน)เพราะคาดว่าโควิด-19 ยังคงมีผลต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ทำให้ปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 16.9% จากเดิมที่ 16.4%

ด้าน บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TU ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 19.70 บาท (เดิม 18.90 บาท) อิงกับ P/E ปี 2564 ที่ 14.5 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ทั้งนี้ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563-2564 ขึ้น 6% และ 4% สะท้อนสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 4/63 ยังแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะได้อานิสงค์ทางบวกจากการ Lockdown รอบใหม่ หลังไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดระลอกที่สอง ประเมินว่าธุรกิจอาหารแช่แข็งจะเติบโตได้เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และโครงสร้างรายได้จะกลับสู่ภาวะปกติที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะอ่อนลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

Back to top button