เป้าใหม่ 1,450 จุด

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง

เริ่มปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ใหม่อีกแล้ว หลังจากมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ

เท่าที่สำรวจตรวจสอบดู พบว่า ต่างให้ไว้เหนือระดับ 1,400 จุด เช่น สุเชษฐ์ สุขแท้ บล.เอเอสแอล ได้คาดดัชนีสิ้นปีอยู่ระหว่าง 1,280–1,400 จุด

เหตุผลคือ ปัจจัยบวกต่าง ๆ  ที่เข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นนั้น

ทั้งหมดยังเป็น “แนวโน้มที่ดี”

ราคาหุ้นหลายตัวที่ร่วงลงไปก่อนหน้านี้ ต่างสะท้อนจุดต่ำสุดไปหมดแล้ว

ดังนั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงเดินหน้าต่อไปจนถึงสิ้นปี และคาดว่าสัปดาห์หน้า (สัญญาณทางเทคนิค) ดัชนีจะขึ้นมาอยู่บริเวณ 1,365 จุดได้

แต่บางวันของสัปดาห์นี้ ดัชนีอาจมีการย่อตัวลงบ้าง จากแรงขายทำกำไร

ประเด็นที่น่าสนใจคือ นักวิเคราะห์ บอกว่า ยังไม่เห็นปัจจัย (ลบ) อะไรที่จะทำให้ดัชนีลงมากองอยู่ที่ 1,300 จุดอีกครั้ง

เรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ  แล้วเสร็จ

ที่เหลือคงดูนโยบายต่าง ๆ ที่จะออกมาเป็นทางการจากประธานาธิบดีคนใหม่

สถานการณ์โควิด-19 แม้จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น

ทว่ากลับไม่ได้มีส่วนสำคัญต่อการกดดัชนีมากนัก ยกเว้นแต่ว่า การทดลองวัคซีนที่มีข่าวดีมาก่อนหนี้ จะล้มเหลวแบบสิ้นเชิง

ส่วนการชุมนุมทางการเมือง โดยมีการประเมินว่า การเมืองในประเทศ ประชุมสภาฯ 17-18 พ.ย.นี้คาดรับร่างของทั้งวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล

แต่ในส่วนของ I-law คาด “ไม่ผ่าน” สภาฯ

แต่หากเกิดภาพการชุมนุมฯ ที่ดูรุนแรง และจะกระทบภาพรวมตลาดแค่ช่วงสั้น ๆ ภายใต้สมมติฐานรัฐบาลสามารถจำกัดการชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรงได้

บล.เอเซีย พลัส บอกว่า จีดีพีของไทยไตรมาส 3/63 ที่ประกาศออกมาล่าสุดนั้น ติดลบเพียง 6.4% ถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ที่คาดว่าจะติดลบประมาณ 8-9%

ตัวเลขจีดีพีนี้ “ดีกว่าทุกสำนักคาดการณ์”

ปัจจัยเรื่องจีดีพี ทำให้ เอเซีย พลัส มองว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น

เหตุผลมาจากมาตรการ “กระตุ้นบริโภค” ของรัฐบาลได้ผล ทั้งโครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน

และยังคาดการณ์ด้วยว่าจะมีการดึงเงินลงทุนที่ค้างท่ออยู่ออกมาใช้ ทำให้จีดีพีทั้งปีจะติดลบเพียง 7-8% เท่านั้น

และปีหน้ามีแนวโน้มจะฟื้นตัว 4.1% และเป้าหมายดัชนีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด

ประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของฟันด์โฟลว์ แม้ว่าวานนี้จะขายออกมา 1,239 ล้านบาท แต่เป็นสถานการณ์ที่ถูกคาดกันไว้แล้วว่า ฝรั่งน่าจะสลับขายออกมาบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้ ซื้อหนัก ๆ มาหลายวัน

มีตัวเลขที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาซื้อหุ้นในภูมิภาคเอเชียในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563

โดยพบว่า เป็นการซื้อสูงสุดในรอบ 52 เดือน มูลค่ารวมกันถึง 8.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

หรือประมาณ 2.76 แสนล้านบาท

การซื้อสุทธิทุกประเทศ เริ่มจากเกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิ 3.88 พันล้านเหรียญ

ไต้หวัน 3.79 พันล้านเหรียญ

อินโดนีเซีย 372 ล้านเหรียญ

ฟิลิปปินส์ 56 ล้านเหรียญ และไทยที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 842 ล้านเหรียญ หรือ 2.54 หมื่นล้านบาท

ทำให้ของไทย ถือเป็นเดือนที่ต่างชาติซื้อสุทธิมากสุดในรอบ 16 เดือนที่ผ่านมา

สรุปภาพรวมฟันด์โฟลว์ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าในอดีตมาก จากสัญญาณปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เคยกดดันตลาดดูดีขึ้น

เอเซีย พลัส ได้ประเมินแนวต้านระยะสั้น 1,356 จุด

และระยะถัดไปที่ระดับ 1,400 จุด

Back to top button