GUNKUL กำไรโตยาว

GUNKUL ประกาศซื้อหุ้นสามัญ 100% ของบริษัท “DST” เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phong Dien II ประเทศเวียดนาม มูลค่าลงทุนราว 1.3 พันล้านบาท


คุณค่าบริษัท

ล่าสุดทาง บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ประกาศซื้อหุ้นสามัญ 100% ของบริษัท “DST” เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phong Dien II ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น 100% ที่ 50 เมกะวัตต์ ด้วยมูลค่าลงทุนโครงการ 39.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1.3 พันล้านบาท) โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟ 20 ปี ด้วยอัตรารับซื้อค่าไฟแบบ FiT ที่ 0.0709 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วย (หรือราว 2.1-2.2 บาทต่อหน่วย และมีกำหนด COD ในวันที่ 15 ธ.ค. 2563

ผลตามมาทำให้ทาง บล.เอเซีย พลัส ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2564 เพื่อสะท้อนการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 50 เมกะวัตต์ ภายใต้สมมติฐานเงินลงทุนโครงการอยู่ที่ 25.2 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ สัดส่วนการกู้ยืมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 75:25 และกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเท่ากับ 3.8% ต่อปี อัตราค่ารับซื้อไฟฟ้าของโครงการอยู่ที่ 2.2 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้เบื้องต้นคาดการณ์ IRR ของโครงการจะอยู่ราว 11.5%

ทั้งนี้ ภายใต้ประมาณการใหม่ คาดกำไรสุทธิในปี 2564 และปี 2565 เพิ่มขึ้น 1.2% และ 1.5% จากประมาณการเดิม มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท และ 2.1 พันล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือปีนี้ของกลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมทั้งในและต่างประเทศที่ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี เตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากได้งานจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนโครงการด้านพลังงานทดแทนที่ต่างประเทศ 2-3 โครงการ คาดว่าภายในไตรมาส 4/2563 นี้จะได้ข้อสรุป ซึ่งหากได้งานจะช่วยสนับสนุนให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท และทำให้รายได้และกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตตามเป้าที่ได้ตั้งไว้

หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3,388.45 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,155.12 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,001.25 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 958.16 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น, รายได้จากการก่อสร้างเพิ่มขึ้น และที่สำคัญมีรายได้จากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุนเข้ามา

ประกอบกับ ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6,819.09 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 5,159.45 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,719.58 ล้านบาท หรือ 0.20 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,620.04 ล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความแกร่ง

สุดท้ายภายใต้ประมาณการใหม่ มูลค่า FV ณ สิ้นปี 2564 เท่ากับ 3.20 บาท เชื่อราคาหุ้นผ่านการปรับฐานไปแล้วระดับหนึ่ง เน้นหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท กันกุล กรุ๊พ จำกัด 4,432,631,280 หุ้น 49.90%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 481,444,112 หุ้น 5.42%
  3. นายกัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ 311,511,270 หุ้น 3.51%
  4. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 278,880,000 หุ้น 3.14%
  5. UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED – Client Account 174,026,303 หุ้น 1.96%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายกัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริษัท
  2. น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  4. น.ส.นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการ
  5. นายเฉลิมพล ศรีเจริญ กรรมการ

Back to top button