SCI ลุ้นพม่า “เทิร์นอะราวด์” ดันกำไรปี 64 โตกระฉูด!

SCI ลุ้นพม่า “เทิร์นอะราวด์” ดันกำไรปี 64 โตกระฉูด!


นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI เปิดเผยว่า ในปี 2564 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้ปี 2564 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท สนับสนุนโดยปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่ยกมาจากปีก่อน ซึ่งประกอบด้วย ตู้สวิตช์บอร์ดกว่า 200 ล้านบาท, เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 700 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอประกาศในปีนี้ ซึ่งหากมีการประกาศออกมาจะส่งผลให้มีออร์เดอร์การผลิตยาวไปถึงกลางปี 65

ขณะเดียวกันโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมาที่เริ่มดำเนินการไปเมื่อปี 62 เริ่มเห็นงานภาครัฐทยอยออกมาบ้างแล้วในช่วงปลายปี 63 และต้นปี 64 ทำให้คาดว่าโรงงานดังกล่าวน่าจะเข้ามาสนับสนุนรายได้บริษัทได้ดีในปีนี้ให้ผลงานพลิกกลับมาเป็นบวกเป็นครั้งแรก หลังจากที่บริษัทขาดทุนติดต่อกันมาในช่วงปี 2562-63 ที่ราว 60 ล้านบาทต่อปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรองานโครงการขนาดใหญ่ 200-300 ล้านบาทที่จะเข้ามาหนุนการผลิตให้สามารถเดินเครื่องได้เต็มตลอดทั้งปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมรับรู้รายได้จากงานรับเหมาติดตั้งระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงและระบบไฟฟ้าจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 170 ล้านบาท และยังมีแผนการประมูลงานดังกล่าวเพิ่มเติมอีก ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้จากงานรับเหมาราว 200-250 ล้านบาท

สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทนั้นจะมาจากธุรกิจผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูงและตู้สวิชต์บอร์ดราว 60% ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างราว 20% และธุรกิจโรงไฟฟ้าอีก 10%

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะยังคงทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่องจากปีก่อน หากการดำเนินงานของโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนไม่ผันผวนมากนัก โดยบริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไว้ที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทไม่แข็งค่ามากกว่านี้ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับในปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลการดำเนินงานของโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมาที่ยังไม่ค่อยดี เนื่องจากมีงานออกมาไม่มากนัก ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานอาจไม่ดีมากนัก

อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปี 63 ยังคงเติบโตเมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 134.83 ล้านบาท และมีรายได้ 1.13 พันล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 มีรายได้อยู่ที่ 1.02 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.48 ล้านบาท

ส่วนงานการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม (Private PPA) ของบริษัท ที ยูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทและบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างต่าง ๆ  ทั้งในและต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีแผนจะเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน จำนวน 40 ชุมชน รวม 120 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 100 เมกะวัตต์

โดยคาดว่ากระทรวงพลังงานน่าจะเปิดประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไตรมาส 3/64 ซึ่งหาก TU ชนะประมูลงานดังกล่าว ก็น่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างสักระยะหนึ่ง ทำให้คาดว่า TU จะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 66 เป็นต้นไป

Back to top button