CHG คาดรายได้ปี 64 โตดีกว่าปี 63 รับผลบวกตรวจโควิดเพิ่ม

CHG คาดรายได้ปี 64 โตดีกว่าปี 63 รับผลบวกตรวจโควิด


เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ กลุ่ม บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโตขึ้นจากปี 63 โดยได้รับปัจจัยหลัก คือ ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์  และโรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้ ส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินงานให้ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาระบาดรอบใหม่ เนื่องจากโรงพยาบาลในเครือจุฬารัตน์ มีบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ของภาครัฐ แต่ต้องการตรวจหาเชื้อ หรือเคยใช้สิทธิตรวจฟรีไปแล้วแต่ต้องการตรวจซ้ำ โดยสามารถเข้ารับบริการตรวจได้จากทุกโรงพยาบาลในเครือ ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (ไม่รวมค่าแพทย์) ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการของลูกค้าเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ทางโรงยาบาลในเครือก็มีบริการตรวจหาเชื้อโควิดฟรีให้กับผู้ที่เข้เกณฑ์ภาครัฐ ทั้งคนไทยทุกคนทุกสิทธิและคนต่างด้าวที่มีประกันสังคมที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด สามารถเข้าใช้บริการได้ที่โรงพยาบาลในเครือจุฬารัตน์ทุกแห่ง

ส่วนปัจจัยลบที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 นั้น ยังไม่เห็นผลกระทบอย่างชัดเจนว่าจะทำให้ทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) มีจำนวนลดลงหรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่งก่อน

สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทมีแผนก่อสร้างศูนย์มะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ จำนวน 10 เตียง มูลค่าการลงทุนรวม 250 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ แต่ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรวมด้วย โดยมีเป้าหมายดำเนินการแล้วเสร็จ เปิดให้บริการได้ในปี 65

รวมถึงยังมีโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด อินเตอร์ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขนาด 100 เตียง งบประมาณการลงทุน 600 ล้านบาท คาดว่าการดำเนินการก่อสร้างจะขึ้นอยู่กับสถามการณ์ปัจจุบัน โดยมีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 65-66

ด้านผลการดำเนินงานในปี 63 บริษัทคาดการณ์รายได้จะเติบโต 3-5% จากปี 62 ที่มีรายได้อยู่ที่ 5,191 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนของปี 63 มีรายได้แล้ว 3,938  ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอดูผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 หากออกมาดีตามคาดการณ์ ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้รายได้ในปี 63 เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ได้

อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 คาดว่าน่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3/63 เนื่องด้วยมีการระบาดของ Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) กลับมาเติบโต รวมถึงยังรับรู้รายได้จาก Alternative State Quarantine (ASQ) หรือ สถานที่กักตัวจากการร่วมกับโรงแรมมากขึ้น

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 ยังคาดว่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปี 62 ที่ได้รับผลกระทบจากสำนักงานประกันสังคม ได้ปรับลดการเหมาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ประเภทผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากงบประมาณรวมของปี 62 ไม่เพียงพอ ทำให้รายได้จากประกันสังคมลดลง 38 ล้านบาท แต่ในปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวแล้ว

Back to top button