“รฟท.” สั่ง 5 จังหวัด พื้นที่ควบคุมโควิดสูงสุด ต้องแสดงเอกสารรับรองเดินทาง ก่อนซื้อตั๋ว

“รฟท.” สั่ง 5 จังหวัด พื้นที่ควบคุมโควิดสูงสุด ต้องแสดงเอกสารรับรองเดินทาง ก่อนซื้อตั๋ว


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด หรือเดินทางออกนอกพื้นที่

โดยกำหนดให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ให้งดการเดินทางข้ามจังหวัด หรือกรณีมีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ให้มีเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทางเพื่อยืนยันแก่เจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการซื้อตั๋วโดยสารอย่างเข้มงวด โดยแสดงบัตรประชาชนพร้อมกับกรอกเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทาง (แบบ ต.8-คค/รฟท) และจะต้องมีหนังสืออนุญาตการเดินทางจากทางจังหวัดออกนอกพื้นที่มาแสดงด้วย แต่หากผู้โดยสารไม่มีเอกสารดังกล่าว จะไม่สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถไฟได้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามนโยบายของ ศบค. และกระทรวงคมนาคม โดยกำหนดให้สถานีรถไฟที่ตั้งในเขตจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ยังมีการให้บริการเดินขบวนรถโดยสารอยู่เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย สถานีพานทอง ชลบุรี บางพระ ชุมทางศรีราชา บางละมุง พัทยา บ้านห้วยขวาง ชุมทางเขาชีจรรย์ พลูตาหลวง จำนวน 9 สถานี รวมถึงขบวนรถที่ผ่านเส้นทางดังกล่าว จำนวน 2 ขบวน ได้แก่ ขบวนธรรมดาที่ 283 กรุงเทพ – พลูตาหลวง เวลาออก 06.55 เวลาถึง 11.20 น. และขบวนรถธรรมดาที่ 284 พลูตาหลวง – กรุงเทพ เวลาออก 13.35 น. เวลาถึง 18.15 น.จะต้องปฏิบัติมาตรการหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด หรือเดินทางออกนอกพื้นที่ของ ศบค. อย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังกำหนดให้ตั้งจุดคัดกรองวัดไข้ผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การจัดจุดบริหารแอลกอฮอล์ล้างมือ และการให้สวมหน้ากาก พร้อมกับให้สแกนแอปพลิเคชัน ไทยชนะก่อนและหลังใช้บริการ แต่หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ ให้กรอกข้อมูลการเดินทางแทน ขณะเดียวกันยังกำหนดให้พนักงานสถานีทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา และใส่ถุงมือในขณะขายตั๋วโดยสาร รวมถึงเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น หน้าช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร เก้าอี้ผู้โดยสาร ราวจับบันได ทุกๆ 2 ชม และในทุกขบวนรถที่ให้บริการ ตลอดจนให้ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในสถานีทุกวัน

Back to top button