“กรอ.พาณิชย์” เคาะลดค่าธรรมเนียมนำเข้าตู้เปล่า-ไฟเขียวเรือใหญ่เทียบท่า แก้อุปสรรคส่งออก

“กรอ.พาณิชย์” เคาะลดค่าธรรมเนียมนำเข้าตู้เปล่า-ไฟเขียวเรือใหญ่เทียบท่า แก้อุปสรรคส่งออก


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 1/2564 ถึงการแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนเพื่อการส่งออกว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกันกับภาคเอกชนหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ และเอกชนในส่วนอื่นๆ รวมทั้งกรมศุลกากรในเรื่องของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้แนวทางว่าการแก้ปัญหาจะประกอบด้วย

1.สำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องส่งออกโดยการใช้ตู้ ก็จะหลีกเลี่ยงไปใช้เรือขนสินค้าแทนเช่น ผลไม้ มะพร้าว หรือพืชเกษตรชนิดอื่น รวมทั้งไม้ยางพาราเป็นต้น โดยมีการเตรียมเรือไว้จำนวนหนึ่ง จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อลดการใช้ตู้คอนเทนเนอร์

2.ส่งเสริมให้มีการนำเรือบรรทุกสินค้านำตู้เปล่าเข้ามาโดยใช้มาตรการจูงใจเช่น ลดค่าธรรมเนียมนำเข้าตู้เปล่า กทท. จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไปโดยเป็นผู้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ คาดว่าจากเร็วที่สุดอาจเป็นวันอังคารที่ 9 ก.พ.นี้

3.เรื่องที่เอกชนมาเรียกร้องว่าอยากเปิดโอกาสให้เรือขนาด 400 เมตร ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่และมีสายการเดินเรืออยู่ประมาณ 6 สายการเดินเรือเข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังโดยไม่ต้องขออนุญาต กระทรวงพาณิชย์ภาคเอกชนได้หารือร่วมกันกับ กทท.และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะอนุญาตให้เรือที่มีขนาดใหญ่ 400 เมตร สามารถเข้ามาเทียบท่าและรับสินค้าไทยเพื่อการส่งออกได้ โดยขออนุญาตใช้เวลาแค่หนึ่งวันและใบอนุญาตจะมีอายุ 2 ปี สินค้าส่งออกขึ้นเรือใหญ่และไปสู่ประเทศปลายทางได้เลย จากที่จะต้องไปถ่ายลงเรือใหญ่ที่สิงคโปร์หรือท่าอื่นๆทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นการลดต้นทุนไปในตัว

อีกมาตรการหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริม คือสินค้าบางอย่างที่ส่งไปจีน จะเน้นการขนส่งทางรถหรือทางบกให้มากขึ้น โดยเร่งเจรจาส่งออกทางบกผ่านด่านของไทยไปลาวเวียดนาม และจีน ให้ได้มากขึ้น ลดความจำเป็นในการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือและเอกชนอยากให้เปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้น ขณะนี้มีด่านชายแดนทั้งหมด 97 ด่าน เปิดแล้ว 39 ด่าน ล่าสุดจากการเจรจาของกระทรวงพาณิชย์ได้อีกหนึ่งด่าน คือ ด่านถาวรที่บึงกาฬเป็น 40 ด่าน อยากเร่งรัดเปิดอีก 3 ด่าน คือ

1.ด่านป่าแซง จังหวัดอุบลราชธานี

2.ด่านเชียงคาน จังหวัดเลย

3.ที่ท่าเรือหายโศก จังหวัดหนองคาย

โดยจะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารนี้เพื่อให้ท่านนายกสั่งการเป็นนโยบายเพื่อเร่งรัดการส่งออกสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่า การส่งออกปีนี้โอกาสที่จะขยายตัว 4% มีความเป็นไปได้สูง จากที่ได้หารือร่วมกันกับภาคเอกได้ประเมินว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ในช่วง 3.5-4%

รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคการค้าและภาคธุรกิจ ในเรื่องการค้าชายแดนถือว่าไม่ได้รับผลกระทบด่านสำคัญ 3 ด่านที่เป็นด่านถาวรในการส่งออกสินค้าของไทยทั้งด่านแม่สาย แม่สอด หรือระนอง สามารถส่งออกสินค้าได้ตามปกติโดยเฉพาะด่านที่กาญจนบุรี สังขละบุรีที่ปิดไปคาดว่าจะสามารถเปิดด่านได้ในเร็ววัน

Back to top button