นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยว่า บริษัทฯรายงานผลประกอบการปี 2563 ซึ่งบริษัทฯมีรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัทฯ สำหรับงวด 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 กว่า 1,228.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.11 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 22.37% และมีกำไรสุทธิ 102.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 57.98 ล้านบาท คิดเป็น 76.03% ซึ่งสอดคล้องกับกำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ทำให้สามารถสร้างผลประกอบการได้ดี และรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายสินค้าผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
โดยตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีจำนวนเท่ากับ 5,876 ตู้ แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มชะลอตัว แต่บริษัทฯ ได้นำสินค้าที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาจำหน่ายผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแทน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างรายได้จากการให้บริการการฝากเงินและโอนเงิน (Banking Agent) ที่เพิ่มมากขึ้น จากพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ลดการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสาขาและตู้ ATM ของธนาคาร รวมถึงรายได้ค่าบริการ สื่อโฆษณา บนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการให้บริการ และจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้คณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้จ่ายปันผล 0.03 บาทต่อหุ้น จากกำไรในส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษี โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 28 เม.ย. 2564 และจ่ายปันผลใน 14 พ.ค.2564 อีกทั้งทางบริษัทฯ เตรียมออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราส่วน 10 หุ้น ต่อ 1 วอร์แรนต์ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ ในวันที่ 27 เม.ย.2564 ในอัตราการใช้สิทธิ (ใบสำคัญแสดงสิทธิ : หุ้น) 1:1 ในราคาการใช้สิทธิ(บาทต่อหุ้น) 3.25 บาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่า รายได้รวมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 25% โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจตู้เติมเงิน ธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ธุรกิจศูนย์อาหารและ POS และ ธุรกิจใหม่ E-Money และวางแผนตั้งงบการลงทุนในปีนี้ที่ 800 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวพันธมิตรธุรกิจใหม่ เป็นบริษัทในเครือบริษัท KOVAN จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์ในประเทศเกาหลีใต้กว่า 30 ปี คือ บริษัท ไทยแวน เซอร์วิส จำกัด ที่เปิดธุรกิจในไทยมาแล้ว 15 ปี ผู้ให้บริการระบบดิจิตอลเน็ตเวิร์คในระบบการชำระเงิน e-payment และ ระบบ Loyalty Program ทั้งในรูปแบบของเครื่องPOS และ EDC โดยปัจจุบัน THAIVAN เป็นผู้ให้บริการระบบ “เราชนะ” ร่วมกับธนาคารกรุงไทย
ด้านนายดงจิน ซอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยแวน เซอร์วิส จำกัด กล่าวเสริมว่า การร่วมกันระหว่าง THAIVAN และ SABUY ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการช่วยเสริม ECOSYSTEM ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้อย่างลงตัว โดยทาง THAIVAN จะเพิ่มบริการรับชำระด้วย SBM (SABUY MONEY WALLET) และ ระบบ Loyalty program จาก SABUY EXCHANGE ที่เรียกว่า SABUY CASH เข้าในระบบ THAIVAN EDC ที่ปัจจุบันรองรับถึง 10,000 เครื่อง นอกจากนั้นการเปิดระบบถึงกันเช่นนี้ ยังทำให้ระบบ THAIVAN สามารถรองรับระบบ E-Wallets ได้หลากหลายผ่านระบบจาก SBM เช่น Alipay, Wechat, True Money, AirPay, Rabbit Line Pay และ Dolfin และอีก 1 บริการที่สำคัญคือ ทาง THAIVAN จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้กับ SABUY ในการรองรับบริการการโอนเงินต่างธนาคาร และ โอนเงินระหว่างประเทศที่จะเปิดในไตรมาสที่ 2 นี้ด้วยเช่นกัน
บริษัทฯเตรียมแผนการย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียนของ SABUY จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่ม Commerce ภายในเดือนมีนาคมนี้ ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์ ลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ และเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทและหุ้นของบริษัทฯมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกราย