พาราสาวะถี

เข้าสู่เดือนเมษายน เดือนที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างตั้งตาเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนแบบเน้น ๆ ปีนี้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจได้เฮกันยาว ๆ ส่วนภาคเอกชนแล้วแต่ว่าสถานประกอบการไหนจะหยุดตามราชการหรือยึดเอาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ แต่สงกรานต์ปีนี้ถือเป็นอีกปีที่คนไทยจะได้สาดน้ำกันประปราย เหตุที่ต้องบอกเช่นนี้ทั้งที่รัฐบาลประกาศขอความร่วมมือห้ามเล่นสาดน้ำ ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม เพื่อป้องกันโควิด-19 แต่พอถึงเวลาก็น่าจะพบว่ามีบางแห่งที่ขอสนุกกันสักนิด


อรชุน

เข้าสู่เดือนเมษายน เดือนที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างตั้งตาเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนแบบเน้น ๆ ปีนี้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจได้เฮกันยาว ๆ ส่วนภาคเอกชนแล้วแต่ว่าสถานประกอบการไหนจะหยุดตามราชการหรือยึดเอาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ แต่สงกรานต์ปีนี้ถือเป็นอีกปีที่คนไทยจะได้สาดน้ำกันประปราย เหตุที่ต้องบอกเช่นนี้ทั้งที่รัฐบาลประกาศขอความร่วมมือห้ามเล่นสาดน้ำ ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม เพื่อป้องกันโควิด-19 แต่พอถึงเวลาก็น่าจะพบว่ามีบางแห่งที่ขอสนุกกันสักนิด

ถือเป็นวิถีชีวิตแบบไทย ๆ แต่ปีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกปีกลายก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ที่ต้องโยกเอาวันหยุดไปกระจายในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน หนนี้หยุดกันตามปกติ เพียงแต่ว่าติดข้อห้ามเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างที่บอกถึงแม้จะไม่ประกาศออกมาเป็นทางการ ในทางปฏิบัติคนทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะไปอยู่ในดงคนจำนวนมาก สาดน้ำแล้วใส่หน้ากากยังไงมันก็ป้องกันไม่ได้อยู่แล้ว จึงน่าจะเลือกการได้กลับไปบ้านเกิดเพื่อรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เสียมากกว่า

การประกาศของภาครัฐหรือรัฐบาลโดยศบค. ก็เป็นการปรามในเชิงเสียมิได้มากกว่า เพราะรู้กันอยู่ว่าในจังหวะเช่นนี้มีความหวังอยากให้เม็ดเงินสะพัดไปกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในระดับรากหญ้าและผู้ประกอบการประเภทสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอีทั้งหลายแหล่ แต่จะกระโตกกระตากประเภทเปิดหน้าให้ไปเล่นน้ำและรวมกลุ่มกันจำนวนมากก็ใช่เหตุ จึงต้องใช้วิธีลักปิดลักเปิดแบบที่ทำอยู่ ไม่ต้องพูดถึงบุคลการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่วันนี้ดูเหมือนว่าจำต้องตามใจฝ่ายสืบทอดอำนาจมากกว่า

กลับมาแสดงอาการที่เป็นนิสัยติดตัวตั้งแต่ยึดอำนาจใหม่ ๆ อีกแล้วสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่พบว่าสัปดาห์สองสัปดาห์ที่ผ่านมา หงุดหงิดง่าย แสดงความไม่พอใจเมื่อถูกถามในบางคำถามทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แม้กระทั่งล่าสุด ไม่พอใจต่อนักข่าวสาวที่นั่งไขว่ห้างฟังการแถลงข่าวหลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะท่าทีและสิ่งที่กระทำในแต่ละเรื่องมันย้อนกลับมาทำลายหรือสร้างแรงกดดันให้กับตัวท่านผู้นำนั่นเอง

ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ การถูกถามเรื่องท่าทีของรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งต่อรัฐบาลเผด็จการทหารและการปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างรุนแรงจนเกิดการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์กันรายวัน มันเป็นสิ่งที่ยากต่อการตอบ เพราะตัวเองก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ และเวลานี้ก็กำลังเล่นงานกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ประท้วงอยู่เหมือนกัน แม้จะมีการอ้างว่าทุกอย่างเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการก็ตาม

มากไปกว่านั้น การที่ส่งคนไปร่วมในวันกองทัพเมียนมาที่จัดพิธีสวนสนามใหญ่โตและก็มีการเข่นฆ่าประชาชนที่ออกมาประท้วง ก็เกิดเป็นคำถามตัวโตต่อการดำเนินการของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เพราะมันสวนทางกับประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ระดับผู้นำกองทัพพากันลงชื่อประณามการกระทำของกองทัพเมียนมา น้ำท่วมปากไม่พอยังส่อแสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจเช่นนี้ยิ่งจะนำพาประเทศเข้าไปอยู่ในโซนยากลำบากต่อการดำเนินกิจกรรมที่สำคัญระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าขาย

ความจริงหากไม่มีลับลมคมใน หรือกลัวอะไรที่จะสะท้อนกลับจากสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำไว้ในยุคเป็นผู้นำเผด็จการเต็มรูปแบบ ประเทศไทยควรแสดงท่าทีอย่างแข็งขันต่อการกระทำของกองทัพเมียนมาที่เกิดขึ้น แต่นอกจากจะไม่แสดงออกใด ๆ ในนามผู้นำประเทศไทยหรือรัฐบาลไทยแล้ว ยังมีแต่ข่าวคราวที่หนักไปในทางให้การสนับสนุนการเกิดขึ้นของรัฐบาลเผด็จการและสนับสนุนให้เกิดการใช้กำลังเข่นฆ่าคนพม่าไปในตัวด้วย

การตอบคำถามนักข่าวของ ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ว่าประเทศไทยไม่สบายใจอย่างมากต่อรายงานการเสียชีวิตและบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชนเมียนมา จึงอยากขอให้ทางการเมียนมาใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมากในการดำเนินการใด ๆ รวมถึงการคลี่คลายสถานการณ์ ยุติการใช้ความรุนแรง และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพิ่มขึ้น

เป็นเพียงละครทางการทูตที่พูดจาในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย และมันก็วกกลับมายังสถานการณ์ของประเทศไทยว่า รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจใช้ความอดทนอดกลั้นต่อผู้ชุมนุมต่อต้านหรือไม่ ที่คล้ายกันแต่ไม่หนักข้อถึงขั้นมีการเสียชีวิตก็คือ การใช้ความรุนแรงในการปราบปรามแค่การใช้กระสุนปลอมสลายการชุมนุมก็ถือว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่ทหารเมียนมากระทำแล้ว ยังไม่นับรวมถึงการเสนอหน้าไปเรียกร้องให้เมียนมามีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว

เพราะในประเทศไทย ก็จะเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันจึงเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแท้ ยิ่งเสียงที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยป่าวประกาศเรียกร้องไปยังเมียนมาว่า ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามร่วมกันหาทางออกโดยสันติวิธีเพื่อเมียนมาและประชาชนเมียนมา ด้วยการพูดคุยผ่านช่องทางที่สร้างสรรค์ใด ๆ ก็ได้ที่สะดวกโดยเร็ว แล้วประเทศไทยโดยผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีการพูดคุยหาทางออกกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่

นอกจากเล่นเกมโดยอาศัยกลไกต่าง ๆ ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการหลบเลี่ยงต้องรับผิดชอบต่อเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ความจริงใจต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ไม่มีแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิสูจน์ไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเคยบอกไว้ว่าจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นของคนรุ่นใหม่ภายในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วไม่เกิดขึ้นและยังแสดงให้เห็นว่าต้องการจะจัดการกับฝ่ายเห็นต่างอย่างเด็ดขาดอีกด้วย

กลายเป็นเรื่องของการไม่รักษาสัญญา ไม่ทำตามที่พูดหรือเรียกให้ชัดคือเป็นพวกตระบัดสัตย์ และไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เวลานี้บรรดาลิ่วล้อทั้งหลายต่างพากันออกมาดักคอ ตีกัน แกนนำม็อบรุ่นใหญ่ไม่ว่าจะเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ทั้งที่รายหลังนั้นเพิ่งถอดกำไลอีเอ็มและคงต้องเว้นวรรคการเคลื่อนไหวกันนานทีเดียว แต่พวกลิ่วล้อก็ยังไปตอแย นี่แสดงให้เห็นถึงอาการปากกล้าขาสั่นอย่างชัดเจน จึงน่าติดตามหากม็อบรุ่นใหญ่จุดติด ความหงุดหงิดโมโหของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าใด

Back to top button