SINGER มั่นใจกำไร Q2 ออลไทม์ไฮ

มีการวิเคราะห์ว่า SINGER จะมีโอกาสทำกำไรในไตรมาส 2/64 เป็นสถิติใหม่ต่อเนื่องได้ไม่ยาก หลังจากไตรมาสแรกทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2564 ทางบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER จะมีโอกาสทำกำไรสถิติใหม่ต่อเนื่องได้ไม่ยากจากไตรมาสแรกที่ทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง

โดยผลการดำเนินงานไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,001.94 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 754.54 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นหลักของรายได้จากการขายและดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืม โดยส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 140.12 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 86.89 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการประเมินในไตรมาส 2 ปี 2564 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติใหม่ โดยทางนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่นราว 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อน, และเพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากธุรกิจเช่าซื้อที่ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับเครื่องปรับอากาศ (บ้าน) และตู้แช่ (ร้านค้า) ยังเป็นสินค้าหลักในช่วงหน้าร้อน ตามฐานแฟรนไชส์ที่เติบโตเท่าตัวจากปีก่อนที่เศรษฐกิจระดับท้องถิ่นยังแข็งแรงกว่าเมือง ทั้งนโยบายช่วยเหลือภาครัฐที่ต่ออายุ-แรงงานที่กลับคืนถิ่น-ราคาผลผลิตเกษตรที่ยืนในระดับสูง บวกต่ออุปสงค์และคุณภาพลูกหนี้ที่ทรงตัวได้

นอกจากนี้ ธุรกิจจำนำทะเบียน (C4C) พอร์ตสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนที่ 4.6 พันล้านบาท ยังปล่อยได้ตามแผน หนี้เสียยังควบคุมได้ใกล้เคียงไตรมาสก่อน โดยทำให้ครึ่งแรกของปี 2564 คาดกำไรคิดเป็น 49% ของเป้าหมายยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้

ส่วนธุรกิจ C4C ยังคงเดินหน้าตามแผน แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลต่อธุรกิจจำนำทะเบียนที่ถูกกดดันค่อนข้างมาก แต่ SINGER จะได้รับผลกระทบน้อยกว่ารายอื่น เนื่องจาก 1) นโยบายภาครัฐเน้นให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย (B2C) โดยเฉพาะจักรยานยนต์ ซึ่งบริษัทไม่มีฐานลูกค้าประเภทดังกล่าว 2) การลดอัตราดอกเบี้ย ปัจจุบันบริษัทคิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 15.4% ต่ำกว่าอุตสาหกรรม (18-22%) ทำให้ Downside ที่ปรับลงนั้นจำกัด

และ 3) การแข่งขันจะไม่รุนแรงขึ้นเพราะผู้เล่นในตลาดยังคงเป็นรายเดิม ๆ โดยยังเชื่อว่ามีช่องว่างให้เติบโตของสินเชื่ออีกมาก ด้วยฐานลูกค้าปัจจุบันเพียงหลักพันคัน เทียบกับทั้งตลาดรถกระบะ-รถบรรทุกที่จดทะเบียนมากกว่าล้านคัน ซึ่งสะท้อนบนขนาดพอร์ต C4C มีมูลค่าเพียง 4 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/2564 เทียบกับผู้นำในตลาดที่ 5-6 หมื่นล้านบาท

พร้อมทั้งยังมีปัจจัยบวกรออยู่ในครึ่งปีหลังที่มีโอกาสถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET100 รอบกลางปี และปลดล็อกมูลค่าของ SG Capital (บ.ย่อยที่ถือพอร์ตสินเชื่อ) คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดในปีหน้า

ทั้งนี้ ยังประเมินว่าบริษัทจะยังสร้างความเติบโตที่น่าประทับใจได้ต่อเนื่อง โดยประเมินกำไรปี 2564 อยู่ที่ 650 ล้านบาท และกำไรในปี 2565 อยู่ที่ 892 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 42% ต่อปี โดยให้ราคาเหมาะสมปี 2564 เท่ากับ 50 บาท/หุ้น อิงจากค่า P/E เป็น 35 เท่า หรือเทียบ PEG อยู่ที่ 0.83 เท่า แนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) 175,499,740 หุ้น 35.47%

น.ส.กุลิสรา การะ 21,338,700 หุ้น 4.31%

นายเชาว์ การะ 18,715,200 หุ้น 3.78%

นายสถาพร งามเรืองพงศ์ 17,036,400 หุ้น 3.44%

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 15,409,236 หุ้น 3.11%

รายชื่อกรรมการ

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานกรรมการ

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ

นางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน กรรมการ

นายปิยะ พงษ์อัชฌา กรรมการ

นายชาญ อิทธิถาวร กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ

Back to top button