COLOR จับมือพันธมิตรรุกขยาย-ต่อยอดธุรกิจ-ตั้งงบลงทุนปีนี้ 20 ลบ.

COLOR จับมือพันธมิตรรุกขยาย-ต่อยอดธุรกิจ-ตั้งงบลงทุนปีนี้ 20 ลบ.


นายขวัญชัย ณัฎฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นคู่ค้าในออสเตรเลียผลิตสินค้าใหม่เบื้องต้นเพื่อป้อนให้กับตลาดออสเตรเลียโดยเฉพาะ โดยบริษัทจะเป็นผู้สนับสนุนในส่วนของวัตถุดิบ ขณะที่พันธมิตรเป็นผู้นำไปผลิตในรูปแบบเฉพาะ และในอนาคตก็มีโอกาสพัฒนาสินค้าเพื่อส่งออกไปขายในตลาดกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายรวมของบริษัท

อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจให้มีความหลากหลายและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเปิดโอกาสที่จะหาพันธมิตรที่จะมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาร่วมกันพัฒนา โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน

นายขวัญชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 20 ล้านบาท โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัท เพื่อใช้พัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความพร้อมที่จะผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 60% และจะพยายามใช้เพิ่มให้เป็น 70% ด้วยการทำให้บริษัทสามารถเดินเครื่องจักรได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 18-20% จากปีก่อนที่ 19.16% ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้บริษัทใช้เงินทุนในการบริหารลดลงด้วย

บริษัทจะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่ปัจจุบันระหว่าง 20-25% พร้อมทั้งขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียน ออสเตรเลีย และยุโรป โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้ที่ 20% จากปีก่อน 17%

ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะโต 7-8% จากปี 58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 869.44 ล้านบาท จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เดินหน้ารับงานประมูลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป

นายขวัญชัย กล่าวถึงการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (COLOR-W1) จำนวนรวมทั้งสิ้น 48,416,270 หน่วยที่จัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิมกำหนดใช้สิทธิครั้งที่ 8 ในวันที่ 31 มี.ค.59 นั้น ขณะนี้ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ที่ระดับเฉลี่ยที่ 1 บาท ขณะที่ราคาแปลงสิทธิอยู่ที่ 3.0993 บาท โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อจะได้หุ้นใหม่จำนวน 1.2906หุ้น โดยราคาแปลงสิทธิดังกล่าวสูงกว่าราคาหุ้นระดับปัจจุบัน ทำให้คาดการณ์ว่าจะไม่มีใครใช้สิทธิ ซึ่งยอมรับว่าถือเป็นการผิดพลาดของการตัดสินใจ ทำให้บริษัทมีความมุ่งมั่นว่าจะเร่งรัดการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเพื่อให้มีราคาที่เหมาะสม

Back to top button