SCBAM ปันผลกองอสังหาฯ–โครงสร้างพื้นฐาน Q1 กว่า 2.7 พันลบ.

SCBAM บริหารกองอสังหาฯ–โครงสร้างพื้นฐาน Q1 ปันผล-ลดทุนผู้ถือหน่วยกว่า 2.7 พันลบ.


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารงานสำหรับไตรมาสที่ 1/2563 จากงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2563 และ/หรือกำไรสะสม จำนวน 5 กองทุน และจ่ายลดทุนจำนวน 1 กองทุน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 2,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ การจ่ายปันผลประกอบด้วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าจำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1400 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 24 รวมจ่ายเงินปันผล 3.5031 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 นี้

กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยในไตรมาส 1 ปี 2563 เป็นไตรมาสแรกที่ทางกองทุนได้รับรายได้จากการต่อสัญญาจากผู้เช่ารายใหญ่ ในอัตราที่เพิ่มขึ้นแบบเต็มไตรมาส โดยทางกองทุนพิจารณาการจ่ายปันผลใกล้เคียงกับอัตราค่าเฉลี่ยการจ่ายปันผลของปี 2562  โดยในครั้งนี้จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2515 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 30 รวมจ่ายเงินปันผล 6.7731 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ ได้กำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2600 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 36 รวมจ่ายเงินปันผล 9.1618 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2554) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 นี้

นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1750 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 23 รวมจ่ายเงินปันผล 4.3687 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 1 มิถุนายน 2563

รวมทั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีเรื่องสถานการณ์ของไวรัส โควิด 19 แต่ด้วยทางกองทุน มีสัญญาให้เช่าระยะยาวกับทางกลุ่มบริษัททรู ส่งผลให้กองทุน DIF ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางกองทุนยังคงสามารถพิจารณาจ่ายปันผลที่ 0.2610 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นเป็นตามที่ทางกองทุนคาดการ์ณ์ไว้ การจ่ายปันผลครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 25 รวมจ่ายปันผล 6.1281 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 มิถุนายน 2563 นี้

พร้อมกันนี้ได้จ่ายเงินลดทุนจำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.1581 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินจากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากการลดลงของราคาการสอบทานค่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริง

“จากสถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทั้งการลดลงและหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จนส่งผลต่อการประกอบกิจการของผู้เช่าพื้นที่ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ นำไปสู่ผลกระทบในทางลบต่อความสามารถของผู้เช่าบางรายในการชำระค่าเช่า และ/หรือค่าบริการ ภายใต้สัญญาเช่า และ/หรือสัญญาบริการ ที่ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องชำระต่อกองทุนรวม

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดกับกองทุนรวมในภาพรวม และเพื่อตอบสนองอย่างทันท่วงทีต่อผลกระทบในทางลบต่อรายได้อสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด บริษัทจัดการจะยึดถือแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสำหรับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดของผู้ให้เช่าทั้งที่เป็นผู้ประกอบการทั่วไป และที่เป็นกองทุนรวมเพื่อให้การจัดการกองทุนรวม/กองทรัสต์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะเป็นแนวปฏิบัติในการพิจารณาการเลื่อน ปรับลด และ/หรือ ยกเว้นการชำระค่าเช่า ค่าบริการ และ/หรือ ค่าใช้จ่ายอื่นใด

รวมทั้งดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความซื่อสัตย์สุจริต และใช้ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ รวมทั้งความเอาใจใส่ และระมัดระวังตามมาตรฐานหรือเยี่ยงผู้มีวิชาชีพจะพึงกระทำ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทุนรวมและผู้ถือหน่วยลงทุน” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

Back to top button