“จิตตะ เวลธ์” แนะลงทุน ETF หุ้นกลุ่มวัคซีน-สุขภาพ รับเมกะเทรนด์โลก

“จิตตะ เวลธ์” แนะลงทุน ETF หุ้นกลุ่มวัคซีน-สุขภาพ รับเมกะเทรนด์โลก หลังโควิด-19 ยืดเยื้อ


นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด หรือ บลจ.จิตตะ เวลธ์ สตาร์ทอัพรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ และมีการกลายพันธุ์ของไวรัส ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างเร่งแสวงหาวัคซีนที่จะมาช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัสที่กลายพันธุ์จำนวนมากขึ้น จึงเป็นแรงส่งให้บรรดาบริษัทที่ทำวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีน

รวมถึงพัฒนาระบบพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อโรคภัยไข้เจ็บ การรักษาและการคิดค้นตัวยาและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะวัคซีนโควิด-19 รวมถึงอนาคตที่ต้องรับมือการผลิตวัคซีนที่เกิดโรคอุบัติใหม่ขึ้น และเครื่องมือทางการแพทย์อื่นๆ ที่จะมาปฏิวัติการแพทย์ทั่วโลกนั้น ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจแข็งแกร่งยาวอย่างต่อเนื่อง  ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกแห่เข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก เช่น หุ้นของบริษัท Moderna บริษัท Pfizer บริษัท Merck และ บริษัท BioNTech

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ต่ำ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด จึงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจวัคซีนและสุขภาพที่จะมาปฏิวัติแวดวงการแพทย์ทั่วโลก ผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) ที่ได้คัดสรรมาให้แล้ว นั่นคือ iShares Genomics Immunology and Healthcare ETF (IDNA) และ iShares Global Healthcare ETF (IXJ)

โดย IDNA จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) เป็น Passive Fund ที่อิงไปกับ 2 ดัชนี คือ NYSE FactSet Global Genomics และ Immuno Biopharma Index ลงทุนใน 58 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่ต่อยอดด้านจีโนมิกส์และภูมิคุ้มกันวิทยา มาพัฒนายา วัคซีน เครื่องมือทางการแพทย์ หรือนวัตกรรมการรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ เช่น บริษัท Moderna  บริษัท Merck และ บริษัท BioNTech ที่เป็นกลุ่มบริษัทที่มาแรงมากในยุคโควิด-19  ซึ่งการลงทุนกระจายในหุ้นกลุ่มจีโนมิกส์จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวนระยะสั้น และมีทนทานเหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาวได้ดี ด้านผลตอบแทนของ IDNA นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 103.13% ผลตอบแทนในรอบ 1  ปีรวมปันผลอยู่ที่ 38.08% ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที  19 ก.ค. 2564  (YTD) อยู่ที่ 6.23%

ส่วน IXJ นั้น อ้างอิงดัชนี S&P Global 1200 Health Care Index ที่เป็นตัวแทนของ 129 บริษัททั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่มีรากฐานธุรกิจแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ  ในธุรกิจเภสัชกรรม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เทคโนโลยีชีวภาพและเครื่องมือการแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น บริษัท Johnson & Johnson บริษัท Pfizer บริษัท Roche Novartis บริษัท Abbott และ บริษัท UnitedHealth Group ที่เป็นบริษัทจัดการเกี่ยวกับระบบดูแลสุขภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก มีผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 354.68% ผลตอบแทนในรอบ 1  ปี รวมปันผลอยู่ที่ 21.69% ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที  19 ก.ค. 2564 (YTD) อยู่ที่ 9.85%

ทั้งนี้ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด ได้เลือก IDNA เป็นตัวแทนของธีมจีโนมิกส์ (Genomics) และ IXJ เพื่อธุรกิจสุขภาพ (Healthcare) ในบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic ที่นักลงทุนสามารถเลือกจัดพอร์ตผสมกับธีมการลงทุนอื่นๆ ได้สูงสุด 5 ธีม ไม่ว่าจะเป็นพลังงานสะอาดจีน กัญชา เทคโนโลยีท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ คลาวด์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอีกนับสิบธีม ซึ่งเน้นการลงทุนในเมกะเทรนด์โลกที่มีการเติบโตสูงในระยะยาว ผ่าน ETF สำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจ คัดสรรโดยเทคโนโลยีระดับโลก มีการจัดสัดส่วนพอร์ตเพื่อลดความผันผวน และดูแลปรับพอร์ตด้วยระบบระบบอัตโนมัติ (Automated Investing) ที่จะคอยดูแลปรับพอร์ตให้สัดส่วนสมดุลอยู่เสมอ โดยไม่ต้องบริหารจัดการด้วยตนเอง แต่ยังสามารถออกแบบพอร์ตให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวได้ เพื่อให้พอร์ตทำกำไรได้ตามที่ต้องการในระยะยาว

กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth – Thematic จีโนมิกส์และธุรกิจสุขภาพ คือโอกาสครั้งสำคัญ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ควรพลาดในช่วงที่ความต้องการวัคซีนเพิ่มมากขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว โดยกองทุนส่วนบุคคล Thematic มีการบริหารและจัดพอร์ตอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ทำให้นักลงทุนไม่พลาดการลงทุนในเมกะเทรนด์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะเสริมทัพพอร์ตลงทุนในระยะยาว ให้แข็งแกร่ง อย่างสบายใจ” นายตราวุทธิ์ กล่าว

สำหรับ กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth – Thematic เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการลงทุนต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องบริหารจัดการด้วยตนเอง แต่ยังสามารถออกแบบพอร์ตให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวได้ โดยเจาะจงเลือกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคตมาสร้างพอร์ต สามารถเลือกลงทุนได้สูงสุดถึง 5 ธีมต่อพอร์ต เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และทำกำไรได้ตามที่ต้องการในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ยังควบคุมความผันผวน ด้วยการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ให้มากที่สุด

Back to top button