บลจ.กสิกรไทย ชี้ตลาดตราสารหนี้ผันผวนน้อยพร้อมชูกองทุนหลากหลาย ทั้งระยะสั้น-ยาว

บลจ.กสิกรไทย ชี้ตลาดตราสารหนี้ผันผวนน้อย พร้อมชูกองทุนหลากหลายทั้งระยะสั้น-ยาว


นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาตราสารหนี้ไทยปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุมาจากแรงเทขายของนักลงทุน ภายหลังมีกระแสคาดการณ์ถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลายตัวออกมาดีกว่าที่คาด

ส่วนมุมมองตลาดตราสารหนี้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2559 นี้ บลจ.กสิกรไทยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (FED Funds Rate) อีก 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ดี มองว่า FED ยังไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมวันที่ 14-15 มิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่มีโอกาสปรับขึ้นในครั้งถัดไป ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ตลาดมองว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ FED จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในรอบการประชุมช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ผลกระทบของกระแสเงินทุนไหลออกหากสหรัฐฯมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นจริง คาดว่าจะกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากจะยังมีสภาพคล่องจากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางใหญ่ๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น ที่ยังสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะในตลาดเอเชียรวมถึงไทย ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% ต่อปี ไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2559

“ความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยในส่วนปัจจัยต่างประเทศ เนื่องจากตลาดได้รับรู้เรื่องจังหวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯไปมากพอสมควรแล้ว ว่าจะเป็นแบบลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศมาจากตัวเลขผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในช่วง 4 เดือนแรกที่ออกมา มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อติดลบ และแนวโน้มทั้งปี 59 คาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโตแค่ 4-5% สะท้อนให้เห็นถึงสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง ประกอบกับตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังอยู่ในระดับเกินดุล อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยคาดว่า อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยในครึ่งปีหลังน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี น่าจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 2.1%- 2.3% ทั้งนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง แม้อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยแนะนำให้เลือกกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของตนเอง รวมถึงระยะเวลาที่ต้องการลงทุน” นายชัชชัยกล่าว

โดยกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายกองทุน สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยมากและต้องการพักเงินในช่วงระยะสั้นประมาณ 1-2 เดือน อาจเลือกลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงิน อาทิ กองทุน K-MONEY และกองทุน K-MPLUS โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 30% และ 50% ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน ให้ผลตอนแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.20% ต่อปี และ 1.51% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 59)

ส่วนผู้ลงทุนที่ต้องการแหล่งพักเงินในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือน พร้อมทั้งต้องการล็อกโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน อาจเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ซึ่งบลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทั้งนี้กองทุนประเภท Term Fund ที่จะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2559

ประกอบด้วย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอเอฟ (KEFF3MAF) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.70% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีแซท (KEFF6MCZ) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.05% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ในต่างประเทศ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศตุรกี และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งนี้กองทุนเหมาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

นอกจากนี้สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุน K-PLAN 1 ซึ่งมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และด้วย Portfolio Duration หรืออายุตราสารเฉลี่ยของกองทุนที่ยาวนานขึ้น ทำให้กองทุน K-PLAN 1 สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนในกลุ่มตลาดเงินทั่วไป โดยกองทุนให้ผลตอนแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.77% ต่อปี และล่าสุดกองทุนยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์

ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะกลางถึงยาวตั้งแต่ช่วง 1-3 ปี และสามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-FIXED ที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ไทย อาทิ เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงตราสารหนี้เอกชนหรือหุ้นกู้ โดยปัจจุบันกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) อยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.36% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.62% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 59) นอกจากนี้กองทุน K-FIXED ยังได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ยอดเยี่ยมจากมอร์นิ่งสตาร์ถึง 3 ครั้งภายในระยะเวลา 5 ปี ได้แก่ ปี 2012, 2015 และ 2016

 

 

 

 

 

Back to top button