ลุ้น KCE ไตรมาส 2 กำไรแกร่ง รับกำลังผลิตเพิ่ม-ออเดอร์ทะลัก โบรกฯ เคาะเป้า 80 บ.

ลุ้น KCE ไตรมาส 2 กำไรแกร่ง รับกำลังผลิตเพิ่ม-ออเดอร์ยาวถึงครึ่งปีแรกของปี 65 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 80 บ./หุ้น มองปิดโรงงานชั่วคราว กระทบจำกัด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE หลังนักวิเคราะห์มองแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับประมาณการกำไรทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น ตามความต้องการใช้และคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การหยุดโรงงานผลิตชั่วคราว หลังพบพนักงานติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น นักวิเคราะห์ต่างมองว่ามีผลกระทบจำกัดมาก

โดยนักวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.2564) ว่า โรงงานอยุธยาพบแรงงานติดเชื้อต้องหยุดสายการผลิตชั่วคราวราว 7 วัน ประเมินว่าจะมีผลกระทบจำกัด แม้อาจทำให้รายได้ในไตรมาส 2/2564 ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะโต 5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย  แต่ด้วยการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีทั้งจากการปรับขึ้นราคาตั้งแต่เดือนพ.ค. และการใช้กำลังผลิตเต็มทั้ง 2 โรงาน จึงคาดกำไรปกติไตรมาส 2/2564 จะทำจุดสูงสุดในรอบ 12 ไตรมาส เพิ่มขึ้น 19.3% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 189.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน

รวมทั้งคาดกำไรจะฟื้นตัวต่อในครึ่งหลังปี 2564 แม้ลูกค้าบางรายยังมีปัญหา Chip Shortage แต่แทบไม่กระทบต่อ KCE เพราะยังใช้เครื่องจักรเต็มกำลังการผลิต และจะมีคำสั่งซื้อที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 2/2564 ล่าสุดบริษัทเห็นคำสั่งซื้อยาวไปถึงครึ่งปีแรกปี 2565 แล้ว และยังอยู่ระหว่างขยายกำลังผลิตส่วนเพิ่มคาดจะเข้ามาในไตรมาส 4/2564 เพื่อรองรับได้ทันในปี 2565

ทั้งนี้ยังคาดกำไรปกติปี 2564 โต 96% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 2565 ขึ้น 4.6% เป็นโต 19.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากเดิมคาดโต 19.3% เมื่อเทียบจากปีก่อน สะท้อนทองแดงที่ปรับลงเร็วกว่าคาด และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 80 บาท อิง PE เดิม 35 เท่า

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.2564) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KCE ปรับราคาพื้นฐานเป็น 80 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการดำเนินงานปี 2564 เติบโตตามที่คาดไว้จากคำสั่งซื้อที่ยังดีต่อเนื่อง แม้การขาดแคลนชิพอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าบ้างแต่ค่อนข้างจำกัด ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อรองรับไปถึงปี 2565 แล้ว ทำให้ไม่กังวลต่อการเติบโตทั้งยอดขายและกำไร อีกทั้งมีการขยายกำลังผลิตปี 2564 เพิ่มขึ้น 20% ในไตรมาส 4/2564 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อ

ขณะที่ข้อมูลล่าสุดที่ว่าบริษัทฯ จะปิดโรงงาน 7 วันและกลับมาเปิดใหม่ 3 ก.ค.2564 โดยมีพนักงานทั้งสิ้นราว 2 พันคนติดโควิดเกือบ 200 คน ยอดขายโรงงานดังกล่าวคิดเป็น 33% ของยอดขาย ขณะที่กำไรคิดเป็น 25% จากการปิดช่วงสั้นและเป็นสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับการบริโภคทำให้กระทบกับการผลิตจำกัด

อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการผลิตไม่มากอย่างที่เคยคาดไว้ และคาดยอดขายไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ได้ตามที่เคยให้เป้าไว้ แต่คาด Margin จะเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ราคาทองแดงปรับตัวลง รวมถึงบาทอ่อน คาดกำไร 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มิ.ย.2564) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KCE ด้วยราคาเป้าหมายเดิมกลางปี 2565 ที่ 80 บาท โดย KCE ยังเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คงมุมมองบวกต่อทิศทางการเติบโตของกำไรสุทธิของ KCE จากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเริ่มผลิตในไตรมาส 3/2564 และ ไตรมาส 4/2564 จึงคาดว่ากำไรสุทธิรายได้ไตรมาสจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนในทุกไตรมาสตลอดทั้งปี 2564 อัตราเติบโตในเชิงเมื่อเทียบจากปีก่อนสูงขึ้นในระยะยาว และคาดว่าอัตรากำไรเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) จะอยู่ที่ 46% ในช่วงปี 2564-2566 ซึ่งเป็นระดับแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ทั้งนี้เชื่อว่าราคาหุ้น KCE จะยังแข็งแกร่งเพราะนักลงทุนต่างรอเข้าสะสมหากราคาหุ้นปรับตัวลดลง

โดยมองว่า KCE จะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากสถานการณ์เงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงขณะนี้ เชื่อว่าตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้นของ KCE เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของ KCE อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ ขณะนี้บริษัทฯ ปรับเพิ่มราคาขายเฉลี่ย (ASP) ขึ้น 5% ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาซึ่งสามารถดูดซับราคาทองแดงได้ถึง 10,500 ดอลลาร์ฯ/ตัน

Back to top button