ตลท.ชี้ SET มิ.ย.ลดเพียง 0.40% ชูบาทอ่อน – ศก.ฟื้น ดันวอลุ่มครึ่งปีแรกโต 48%

ตลท.แจง SET เดือนมิ.ย. ลดลงเพียง 0.40% รับผลบวกค่าเงินบาทอ่อน เศรษฐกิจโลกฟื้นและต้นทุนลดลงหนุนตัวเลขส่งออกโตเด่น โดยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 9.6% วอลุ่มแน่น 47.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2564  SET Index  ปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลงเพียง 0.40% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโต ซึ่งในเดือนพ.ค. 2564 มูลค่าการส่งออกไทยเพิ่มขึ้นถึง 41.59% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า           

ขณะที่ปัจจัยลบคือการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศและการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ค่อนข้างล่าช้าทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วงต้นปี

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 9.60% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

ทั้งนี้ ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2564  SET Index  ปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลง 0.40% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยใน 6 เดือนแรกปี  2564  SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 9.60% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ  

โดยในเดือนมิ.ย. 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี  2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ทั้งนี้เริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

นอกจากนี้ในเดือนมิ.ย. 2564 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 97,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.50% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 6 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 98,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

อนึ่งผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือนมิ.ย. 2564  ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,947 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 77,817 ล้านบาท ขณะที่ผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 111,278 ล้านบาท นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งในเดือนมิ.ย. 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน mai 1 บริษัท โดยใน 6 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN 

ทั้งนี้ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 29.80 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.20 เท่า และ 22.40 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 2.34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.24% 

สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนมิ.ย. 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 642,603 สัญญา เพิ่มขึ้น 7.60% จากเดือนก่อน สาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures

Back to top button