“หุ้นเอเชีย” บวกเช้านี้! รับวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม. ใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน

“ตลาดหุ้นเอเชีย” เคลื่อนไหวในแดนบวก รับปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์-S&P500 บวก หลังวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 69-30 เสียงผ่านร่างกม. ใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคในวันนี้


ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.2564) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ

ทั้งนี้ส่งผลให้ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,045.84 จุด เพิ่มขึ้น 157.69 จุด หรือ +0.57%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,527.11 จุด ลดลง 2.82 จุด หรือ -0.08% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,491.74 จุด ลดลง 113.88 จุด หรือ -0.43%

สำหรับวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 69-30 เสียง ผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างงานครั้งใหญ่ให้แก่ชาวอเมริกัน โดยโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกนั้น จะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ

อย่างไรก็ดีรายงานระบุว่า วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตทั้ง 50 คนต่างลงคะแนนเสียงเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจำนวน 19 คน สำหรับในขั้นตอนต่อไปนั้น วุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหรรม (MTI) ของสิงคโปร์รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 14.7% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 2/2564 สูงกว่าที่รัฐบาลประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 14.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยายตัว 14.2% แต่เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส จีดีพีของสิงคโปร์หดตัวลง 1.8% ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ MTI ได้ปรับคาดการณ์จีดีพีทั้งปี 2564 จะขยายตัว 6-7% เมื่อเทียบกับประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 4-6%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่งจะเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานเดือนกรกฎาคม ของเกาหลีใต้, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม ของออสเตรเลียจากเวสต์แพค รวมถึงยอดขายรถและยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนกรกฎาคมของจีน

Back to top button