BANPU ไตรมาส 3 ราคาถ่านหิน-ก๊าซพุ่งแกร่ง เดินหน้าลุยพลังงานสะอาด ตามแผน Greener & Smarter

BANPU ไตรมาส 3 ราคาถ่านหิน-ก๊าซพุ่งแกร่ง เดินหน้าลุยธุรกิจพลังงานสะอาด ตามแผน Greener & Smarter ตั้งเป้า "อีบิทดา" Green Business สัดส่วน 50% พร้อมดันกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 68


นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU  เปิดเผยข้อมูลภาพรวมของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 23 ส.ค.2564 ว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 ที่ทำให้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นคือการเข้าไปลงทุนตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งจากการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินครึ่งแรกของปี 2564 สามารถรักษากระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

โดยมีรายได้จากการขายในครึ่งแรกของปี 2564 รวม 1,535 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 47,325 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 582 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,948 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 147 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 93 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,861 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 488 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยสำคัญเกิดจากการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ บริษัทฯยังคงมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การดำเนินงานที่คล่องตัว ยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ด้านแผนการลงทุนในครึ่งปีแรก 2564 ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปลงทุน คือ โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC ขนาด 73  MW ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของการใช้พลังงานก๊าซมาเป็นการผลิตไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Beryl และ Manildra ในออสเตรเลีย ขนาด 167 MW ใช้เงินลงทุนประมาณ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ และล่าสุดได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT “Temple I” ขนาด 768 MW ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ใช้เงินลงทุนประมาณ 430 ล้านเหรียญสหรัฐ และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทไปลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจก๊าซบริษัทค่อนข้างมาก

ดังนั้นเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะระดับ 6,100 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2568 เชื่อว่าจะสามารถทำได้ ทั้งนี้ตามเป้าหมายดังกล่าวมาจากธุรกิจถ่านหินจะมีสัดส่วน 40% ธุรกิจก๊าซ 25% ธุรกิจโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน 30% และธุรกิจ Energy Technology พร้อมตั้งเป้า EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน (Green Business) มีสัดส่วนมากกว่า 50% ภายในปี 68

ซึ่งตามแผนดังกล่าวจะทำได้สำเร็จหลังจากที่บริษัทได้รับการอนุมัติการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นไปแล้วจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ จำนวน 5,074,581,513 บาท จากเดิม 5,074,581,515 บาท เป็นจำนวน 10,149,163,028 บาท ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยวัตถุประสงค์ในครั้งนี้เพื่อสร้างความเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจและระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานสะอาดมากขึ้น รวมทั้งการออกหุ้นกู้ที่ประสบผลสำเร็จเพื่อนำมาขยายธุรกิจที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับ Greener & Smarter เพื่อเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู หรือ Banpu Ecosystem ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันราคาขายก๊าชและถ่านหินอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยราคาก๊าซประมาณ 3 เหรียญขึ้นไป ส่วนราคาถ่านหินเฉลี่ยคาดว่าไตรมาส 3/2564 จะทำได้สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนแนวโน้มราคาก๊าซได้ทำประกันความเสี่ยง(เฮดจิ้ง)ไปแล้วประมาณ 75% ส่วนถ่านหินสำหรับปี 2564 ไม่มีการขายล่วงหน้า เนื่องจากตอนนี้ได้ขายล่วงหน้าในปี 2565-2566 โดยเฉพาะส่วนที่มีราคาน่าสนใจ และไม่ได้ทำเฮดจิ้งไว้เนื่องจากภาวะตลาดราคายังอยู่ในระดับสูง

“สำหรับในไตรมาส 2/2564 ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากบนแผน Greener & Smarter ก็เพื่อเป็นการบริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ(Banpu Transformation) เข้าไปสู่ธุรกิจที่เป็นสีเขียวมากขึ้น แต่ในการเปลี่ยนไปบริษัทไม่ได้หยุดทำในเรื่องของถ่านหินยังคงไว้เหมือนเดิมแต่ไม่ได้มีการลงทุนใหม่ๆเพิ่ม ส่วนการเพิ่มทุนหรือออกหุ้นกู้จะนำไปลงในธุรกิจที่เป็นพลังงานสะอาด ทั้งส่วนที่เป็นธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เป็นสมาร์ทเอ็นเนอร์ยี่โซลูชั่นภายใต้ บ้านปู เน็กซ์“ นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย

Back to top button