
KBANK มุ่งเพิ่ม ROE สองหลัก
KBANK โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 1. สินเชื่อรายใหญ่ 41% 2. สินเชื่อ SME 26% 3. สินเชื่อรายย่อย 29% 4. สินเชื่ออื่น ๆ 4%
คุณค่าบริษัท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 1. สินเชื่อรายใหญ่ 41% 2. สินเชื่อ SME 26% 3. สินเชื่อรายย่อย 29% 4. สินเชื่ออื่น ๆ 4% โดย KBANK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 12,488.19 ล้านบาท ลดลง 3.16% จากไตรมาส 2/2567 และลดลง 9.45% จากไตรมาส 1/2568 ที่มีกำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 2 ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิลดลง 2.2% จากไตรมาส 1/2568 หลังสินเชื่อรวมทรงตัว เมื่อเทียบไตรมาส 1/2568 และถูกกดดันจากส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลงราว 0.09% จากไตรมาส 1/2568 ตามการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกหนึ่งครั้งในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”
การตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 2.4% จากไตรมาส 1/2568 แต่คิดเป็น Credit Cost ที่ราว 1.6% ใกล้เคียงกับในไตรมาส 1/2568 หลัง KBANK เร่งตัดหนี้สูญ (Write Off) ลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงสูงในพอร์ต ทำให้ระดับลูกหนี้ Stage 2 และ Stage 3 หรือ NPL ลดลง 0.5% และ 0.02% ตามลำดับ ส่วน Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 154.4% จาก 150.5% ในไตรมาส 1/2568 ปัจจัยลบบางส่วนชดเชยด้วยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 1/2568 แม้รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารจะลดลง แต่รายได้สุทธิจากธุรกิจประกันชีวิตขยายตัวดี และมีกำ ไรเงินลงทุน และเงินปันผลเข้ามาช่วยเสริม
ผู้บริหาร KBANK ระบุว่าเป้าหมายทางการเงินปี 2568 ในส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (Credit cost) อาจเกินเป้าหมายที่ 1.4-1.6% (ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1.6%) ตามความท้าทายของเศรษฐกิจมหภาคที่เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ส่วนแผนบริหารโครงสร้างเงินทุนเพื่อยกระดับ ROE สู่ Double digit (ครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 9%) ยังเดินหน้าต่อ เพียงแต่ระยะเวลาในการไปถึงขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจมหภาค โดย KBANK ตั้งเป้านโยบายเงินปันผล (Dividend payout ratio : DPR) ไม่น้อยกว่า 50% และระยะกลางที่ 50-60% (ส่วนปันผลพิเศษเหมือนปี 2567 ที่ 2.5 บาทต่อหุ้น หรือซื้อหุ้นคืน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
บล.หยวนต้า คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในครึ่งหลังของปี 2568 ของ KBANK จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามภาพของอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงเร็วกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และคาดลดลงต่อเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เพราะมีค่าใช้จ่ายลงทุนพัฒนาระบบเพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปี และคาดจะเห็นผลกระทบจาก NIM ที่ปรับตัวลงชัดเจนขึ้น
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ KBANK ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 191,623.03 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 48,608.22 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 171.64 บาท จาก 18 โบรกเกอร์
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่ของ KBANK ยังค่อนข้างจำกัด ขณะที่การตั้งสำรองคาดทรงตัวเทียบกับครึ่งปีแรก แม้ธนาคารเร่ง Write-Off ลูกหนี้ไปมากแล้วในครึ่งแรกของปีนี้ แต่อาจยังตั้งสำรองส่วนเกิน (Management Overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จึงคงคาดว่า KBANK จะมีกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 51,166 ล้านบาท โต 5.3% จากปี 2567
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น KBANK ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 8 ส.ค. 2568 ที่ 168.00 บาท) เทรดที่ P/E 8.14 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคาร ที่ 7.65 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น KBANK อยู่ที่ 0.68 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคาร ที่ 0.66 เท่า