บอร์ดสรรหาฯ เคาะ 7 ชื่อว่าที่ “กรรมการ กสทช.” ชุดใหม่

บอร์ดสรรหาฯ เคาะ 7 รายชื่อว่าที่ “กรรมการ กสทช.” ชุดใหม่ เตรียมส่งต่อให้ “สว.” ลงมติให้ความเห็นชอบ และคาดจะนำเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมรอบถัดไป 1 พ.ย.64


นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครให้เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็นกรรมการกสทช. ว่า กรรมการสรรหา ฯ ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 และมาตรา 2 รวมทั้งเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านที่สมัครตามมาตรา 6 และที่คณะกรรมการสรรหาประกาศกำหนดตามมาตรา 171 ที่จะเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการกสทช.) ในแต่ละด้านด้านละหนึ่งคน

โดยได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนนเสียงถึงสองในสามของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะกรรมการสรรหาและให้เสนอรายชื่อดังกล่าวไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 15 และมาตรา 16 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วปรากฏผลตามบัญชีรายชื่อในแต่ละด้านดังนี้

1. ด้านกิจการกระจายเสียงคือ พลอากาศโทดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ

2. ด้านกิจการโทรทัศน์คือ ศาสตราจารย์ดร.พิรงรอง รามสูต

3. ด้านกิจการโทรคมนาคมคือ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ

4. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคคือ ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์

5. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนคือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์

6. ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกสทช. ดังนี้  6.1 ด้านกฎหมาย คือ ร้อยโทดร. ธนกฤษฎ์ เอกโยคยะ และ 6.2 ด้านเศรษฐศาสตร์ คือ รองศาสตราจารย์ดร. ศุภัชศุภชลาศัย

ทั้งนี้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการคัดเลือกดังกล่าวสามารถใช้สิทธิตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกาศ และในขั้นตอนต่อไปกรรมการสรรหาฯ จะเสนอที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้เสนอรายชื่อแต่งตั้งต้อไป

สำหรับขั้นต่อไปกรรมการสรรหา กรรมการ กสทช. จะส่งรายชื่อให้วุฒิสภาพิจารณาและลงมติ ซึ่งจะต้องมีการจัดตั้งกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ผ่านการคัดเลือก ก่อนเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติ ซึ่งพิจารณาตามกรอบเวลา แล้วคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

Back to top button