DOD จ่อคว้าไลเซนส์ “โรงสกัด” เดือนนี้ โบรกฯ คาดปี 64 กำไร 250 ลบ.

DOD คาดได้รับไลเซนส์โรงงานสกัดสาร CBD ต.ค.นี้ มั่นใจทยอยส่งมอบให้ลูกค้าได้ในช่วงปลายปี 64 ถึงต้นปี 65 ตามแผน ขณะที่โบรกฯ คาดกำไรปกติปี 2564 จะอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท แนะนำเก็งกำไร เป้า 13.20 บ.


นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบโรงงานสกัดสาร CBD จากกัญชง ซึ่งมั่นใจว่าจะผ่านเกณฑ์การประเมินไปได้ด้วยดี และบริษัทได้ดำเนินการปลูกพืชกัญชงแล้วเมื่อช่วงเดือนก.ย.2564 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้ผลผลิตในอีก 3 เดือนข้างหน้านับจากเริ่มปลูก

ทั้งนี้คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงในช่วงเดือนต.ค.2564 มั่นใจว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงแรกของการผลิตคาดว่าจะสามารถสกัดสาร CBD ได้ราว 100 กก./เดือน และจะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้าเข้ามาเจรจาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกหลายราย

“ลูกค้าบางรายอยู่ระหว่างกระบวนการคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ รวมถึงอยู่ระหว่างการยื่นขอขึ้นทะเบียนเลขที่จดแจ้งจากอย. สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งหลังจากลูกค้าได้รับเลขอย.แล้ว ก็จะสามารถดำเนินการส่งมอบออเดอร์ให้กับลูกค้าได้ทันที โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 ตามแผน” นายธนิน กล่าว

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค. 2564) โดยประเมินในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ผลการดำเนินงานจะมาจากธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารเสริมเป็นหลัก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ 1 รายสัดส่วนมากถึง 72% ของรายได้ทั้งหมด คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 51 ล้านบาท ลดลง 42% จากไตรมาสก่อน และลดลง 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของ COVID-19 ในส่วนของกำไรสุทธิคาดอาจมีรับรู้ค่าใช้จ่าย One Time จากการหยุดดำเนินงานธุรกิจขายตรง และผลิตเครื่องสำอางอีกเล็กน้อย แต่น่าจะพลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 58 ล้านบาทในไตรมาส 2/2564

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติปี 2564 จะอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท ลดลง 7.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิที่รวมรายการพิเศษคาดลดลงอยู่ที่ 105 ล้านบาท หรือลดลง 25.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติปี 2565 จะเติบโตราว 19.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 299 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกัญชง และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 13.20 บาท (อิงค่า PE เดิม 18 เท่า) โดยกำหนดว่าไม่มีการใช้สิทธิแปลง DOD-W2 เพราะมีราคาใช้สิทธิสูงถึง 18 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้บริษัทยังไม่เปิดเผยแผนหรือเป้าหมายกัญชงอย่างชัดเจน โดยอยู่ระหว่างประเมินผลสำหรับการทดลองปลูกล็อตแรกก่อน จากการทำ Sensitivity ของทางฝ่ายวิจัยพบว่า บนการปลูก 10 ไร่ คาดจะมีรายได้ต่อ 1 Crop ราว 15 – 20 ล้านบาท หากกำหนดให้ปี 2565 มีรายได้กัญชงราว 100 ล้านบาท จะมีราคาเป้าหมายส่วนเพิ่ม 1 บาทต่อหุ้น หากอิงราคาใช้สิทธิ W2 ที่ 18 บาท นั่นหมายถึงต้องมีรายได้กัญชงราว 400 ล้านบาท คิดเป็น 26% ของรายได้รวมปี 2565 หรืออย่างน้อยปี 2566 แนะนำ “เก็งกำไร”

สำหรับความคืบหน้าธุรกิจกัญชงของ DOD นั้น ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับใบอนุญาต 2 ฉบับ ได้แก่ การนำเข้าเมล็ดพันธุ์และโรงหีบน้ำมันเมล็ดกัญชง ล่าสุดเริ่มมีความคืบหน้าในส่วนของธุรกิจกัญชงดังนี้ (1) ได้รับเมล็ดพันธุ์นำเข้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งเมล็ดสำหรับปลูกเพื่อเอาน้ำมัน และ CBD (2) มีเกษตรกรที่เป็น Contract Farming ได้รับอนุญาตปลูกเฟสแรกแล้วราว 10 ไร่ ถือเป็น แปลงทดลองแรกของบริษัท และเตรียมลงปลูกในช่วงต้นเดือน ต.ค.2564 คาดจะได้ ผลผลิตอย่างเร็วคือ ปลายเดือน ธ.ค.2564- ม.ค.2565 ข้อดีคือเป็นการปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) มีความเสี่ยงต่อสภาพอากาศผันผวนต่ำกว่าการปลูกแบบกลางแจ้ง และ 3. อยู่ระหว่างเตรียมติดตั้งเครื่องสกัดตัวที่ 2 สำหรับสกัดช่อดอกเพื่อให้ได้ CBD บนโรงงานใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้โรงงานเดิม (เป็นการเช่า และปรับปรุงอาคารเรียบร้อย แล้ว) คาดจะยื่นขออนุญาตสกัด CBD ได้อย่างเร็วในเดือน ต.ค.-พ.ย. 2564 เพื่อให้ทัน กับผลผลิตล็อตแรกที่จะทยอยออกมา

Back to top button