“ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อ RT เป้า 2.50 บ. มองผลงาน Q4 ฟื้น แบกล็อกแน่น-ลุ้นคว้างานใหม่

“บล.ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อ RT คงราคาเป้าหมาย 2.50 บ. มองผลงานฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป แบกล็อกแน่น 3.9 พันลบ.-ลุ้นคว้างานใหม่ต่อเนื่อง


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้น บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT โดยมองกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ทำได้ระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2/64 ที่ 7 ล้านบาท แต่หดตัวแรงจาก 67 ล้านบาทในไตรมาส 3/63 แม้ในไตรมส 3/64 จะไม่เผชิญสถานการณ์การระบาดในแคมป์คนงานของบริษัทเหมือนกับไตรมาส 2/64 แต่มีปัจจัยลบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง 1 เดือนในกทม.และปริมณฑล

โดยบริษัทมีงานส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นงานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน คิดเป็นราว 10% ของงานที่อยู่ระหว่างทำหลักๆ เป็นโครงการท่อร้อยสายไฟรถไฟฟ้าสีเหลือง ซึ่งเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของ ผลประกอบการ โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 5% จากปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 14% ขณะที่มาตรการควบคุมและการป้องกัน COVID-19 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบริหารคาดสูงขึ้นเป็น 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน

สำหรับงานในมือ ณ สิ้นไตรมาส 3/64 คาด 3.9 พันล้านบาท บนการรับงานใหม่ YTD แล้ว 2.2 พันล้านบาท โดยเดือนต.ค.รับเพิ่มงานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึงถ.ราชพฤกษ์ และหอปรับแรงดันที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ของการประปานครหลวง มูลค่า 837 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่ มูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของงานในมือปัจจุบัน

ขณะที่มีงานอยู่ระหว่างรอเซ็นอย่างงานวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม 520 ล้านบาท คาดเซ็นสัญญาในเดือน ธ.ค. 2021-ม.ค. 2022 นอกจากนี้ ยังเดินหน้าประมูลเพิ่มอีกมาก โดยโครงการที่ RT มีศักยภาพสูงในการรับงาน อาทิ รถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งมีมูลค่า งานอุโมงค์กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานอุโมงค์ดินอ่อน และงาน Slope Protection โดยบริษัทตั้งเป้า Backlog จะทะยานแตะ 7 พันล้านบาทปลายปีนี้

สำหรับทิศทางกำไรไตรมาส 4/64 คาดขยายตัวดีทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงปีก่อน หลังการก่อสร้างกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ บวกกับเริ่มรับรู้งานใหม่ที่ประกาศรับในเดือนก.ย.-ต.ค. จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท รวมถึงสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลายหนุนให้การเคลื่อนย้ายแรงงานดีขึ้น ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปี 2564 หดตัว 55% จากปีก่อน จากผลกระทบ COVID ก่อนฟื้นตัวเด่น 105% ในปี 2565 ตามปริมาณงานในมือเร่งขึ้น และแนวโน้มการรับงานเข้ามาเติมอีกมาก

อย่างไรก็ตาม คงราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 2.50 บาท (อิง PER 12.5 เท่า) คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 และไตรมาส 3/64 ก่อนฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/64 และเติบโตดีในปี 2565 บนแบ็กล็อกที่แข็งแกร่งจำกัด Downside รวมถึงเทรนด์ ภาครัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นขาขึ้น เอื้อต่อโอกาสรับงานเพิ่มของ RT จากงานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลายโครงการขนาดใหญ่

โดยระยะสั้น มี Catalyst จากโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาผู้รับเหมาหลัก โดยคาดว่า RT มีโอกาสได้รับงาน Sub-contract งานอุโมงค์อย่างน้อย 4 พันล้านบาท หรือ 25-30% ของงานอุโมงค์ทั้งหมด เนื่องจาก RT มีแต้มต่อในเป็นพันธมิตรกับผู้เสนอราคาต่ำสุด อย่าง CK, ITD รวมถึงมีประสบการณ์ในงานอุโมงค์รถไฟทางคู่มาบกะเบา-จิระ ท่ามกลางตลาดงานอุโมงค์ที่คู่แข่งน้อยราย

Back to top button