SGP ออกหุ้นกู้อายุ 4 ปี 29 วัน เล็งขายกองทุน-รายย่อย ม.ค.65 ชูเรตติ้ง BBB+

SGP ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อายุ 4 ปี 29 วัน ขายสถาบัน-รายย่อย ม.ค.65 จ่อนำเงินใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มกิจการ ฟาก “ทริสเรทติ้งส์” จัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+”


นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ต่อผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) อายุหุ้นกู้ 4 ปี 29 วัน คาดว่าจะเสนอขายในช่วงประมาณเดือนมกราคม 2565 เพื่อเตรียมชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนดังกล่าว ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งจะมีการแจ้งรายละเอียดผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนทราบอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ SGP ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายก๊าซ แอลพีจี ของในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง และ ภาคอุตสาหกรรม มีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ  ในส่วนของต่างประเทศบริษัทฯมีคลังก๊าซและท่าเรือขนส่งก๊าซ แอลพีจี ในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม และมีการจำหน่ายก๊าซ แอลพีจี ทั่วภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ SGP ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ในประเทศเมียนมา กำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ซึ่งได้จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

สำหรับหุ้นกู้ที่จะจัดจำหน่ายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม Stable จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยอันดับความน่าเชื่อถือจะสะท้อนถึงสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย รวมถึงการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และ มีฐานลูกค้าที่กระจายตัวอย่างกว้างขวาง  รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในตลาดต่างประเทศ

โดยในส่วนของผลดำเนินงานในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย ขนส่ง และให้บริการเป็นจำนวนเงิน 54,691.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,816.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 1,045.21 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ หากบริษัทฯกำหนดรายละเอียดที่แน่นอนแล้วจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบอีกครั้ง สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง ดังนี้

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-343-4379-80 (เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004  ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1428 กด #4 (เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)

Back to top button