ย้อนรอย JMART ผนึก BTS ดีลซูเปอร์ซินเนอร์ยี่ สร้าง “อีโคซิสเต็ม” ธุรกิจครบวงจร

ย้อนรอยข่าวดังปีวัว! JMART ผนึก BTS ดีลซูเปอร์ซินเนอร์ยี่แห่งปี เปิดระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนขาย RO และ PP ทั้งจาก JMART,SINGER และ JMT รวมเม็ดเงินประมาณ 3 หมื่นลบ. เพื่อมุ่งสร้าง “อีโคซิสเต็ม” ทางธุรกิจครบวงจร และสร้างผลกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดระยะยาว


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการคัดสรรประเด็นร้อนเกิดขึ้นช่วงภายในปี 2564 เพื่อนำมาเสนอให้นักลงทุนได้อ่านในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ในประเด็นข่าวใหญ่ เรื่องราวของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ร่วมทุนกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งถือเป็นดีลซูเปอร์ซินเนอร์ยี่แห่งปี 2564 ที่ผ่านมา

โดยประเด็นดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.2564 ซึ่งทางกลุ่มบริษัท JMART และกลุ่ม BTS นำโดยแม่ทัพใหญ่ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART พร้อมนายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BTS รวมถึงผู้บริหารในเครือ ได้ออกมาประกาศความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสร้าง Super Synergy ร่วมกันให้แข็งแกร่งสู่อนาคตมากยิ่งขึ้น

สำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้กลุ่ม BTS จะส่งบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เข้าลงทุนใน JMART ในสัดส่วน 15%  และ บริษัท ยู ชิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U จะเข้าถือหุ้นสดส่วน 9.9% ขณะเดียวกัน U จะเข้าถือหุ้นบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER สัดส่วน 24.9% ซึ่งอยู่ภายใต้วงเงินลงทุนรวม 1.75 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้รายละเอียดการร่วมทุนระหว่างกลุ่ม ”เจมาร์ท กับ บีทีเอส” ดังนี้ คือฝั่ง JMART ออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP (Private Placement) จำนวน 342.36 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับ VGI  จำนวน 206.24  ล้านหุ้น ในอัตราราคา 30.337 บาทต่อหุ้น และ U จำนวน 136.11  ล้านหุ้น ในอัตราราคา 30.337 บาทต่อหุ้น  ซึ่งส่งผลทำให้ VGI และ U  มีสัดส่วนการถือหุ้นในเจมาร์ทรวมกันที่ 24.77% ขณะที่ฟากฝั่งผู้ถือหุ้นเดิมกลุ่ม “สุขุมวิทยา” ก็ยังถือหุ้นใหญ่ในเจมาร์ทอยู่เช่นเดิม จำนวน 26.75% และการเพิ่มทุนแบบ PP ของเจมาร์ท ครั้งนี้ ทำให้ได้เงินราว 1.04  หมื่นล้านบาท

ส่วน SINGER ซึ่งเจมาร์ทถือหุ้นอยู่  35.23% จะออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP จำนวน 305 ล้านหุ้น ให้กับ “U” จำนวน 197 ล้านหุ้น และจะมี SINGER-W3 ให้ ยู ซิตี้ อีกจำนวน 11.56 ล้านหน่วย อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 ราคาใช้สิทธิ 36.3 บาท วอร์แรนต์นี้มีอายุ 1 ปีครึ่ง และยังมีการออกหุ้นแบบ Right Offering หรือ RO จำนวน 96 ล้านหุ้น ราคา 36.30 บาทต่อหุ้น จากการเพิ่มทุนรอบนี้จะทำให้ ยู ซิตี้ ถือหุ้นในซิงเกอร์ฯ คิดเป็นสัดส่วน 24.64%

โดยไม่สิ้นสุดเท่านั้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งเจมาร์ทถือหุ้นอยู่ 53.95% ได้ประกาศเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิมและแจกวอร์แรนต์ ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อระดมเงินในการจัดซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ใช้เป็นเงินลงทุนหมุนเวียน และใช้ในการชำระคืนหนี้สินของบริษัท

ทั้งนี้กลุ่ม ”JMART” ได้ระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนขาย RO และ PP ทั้งจาก JMART,SINGER และ JMT ดังกล่าวรวมเม็ดเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินส่วนหนึ่งมาจากกลุ่ม BTS เข้าร่วมทุน 1.75 หมื่นล้านบาท เพื่อจะสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดดแบบ J Curve ได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามการร่วมทุนครั้งนี้ 2 กลุ่มบริษัทมองว่าจะทำให้เกิดประโยชน์และสร้างการเติบโตผ่านซินเนอร์ยี่ร่วมกันทั้งเครือได้แบบ win-win โดยเฉพาะกลุ่ม JMART จะมีฐานทุนแข็งแกร่งขึ้น และช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง ซึ่งทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทดีขึ้น ก็จะสามารถระดมเงินจากหุ้นกู้หรือเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ

โดย JMART คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2567) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 50% ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่คาดว่าจะเติบโตราว 50% หลังจากที่กลุ่ม JMART ร่วมมือกับ BTS ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดดแบบ J Curve ได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ BTS มองว่า แผนการ”ซินเนอร์ยี่” ร่วมกันในช่วงต่อจากนี้ คาดว่าจะได้เห็นการขยายฐานลูกค้า การขยายผลิตภัณฑ์และบริการในเครือของ JMART ร่วมกันไปสู่สินค้าสำหรับผู้บริโภค การประกันภัย รวมไปถึงเทคโนโลยีและการให้บริการ O2O( Online to Offline) โซลูชั่นส์ ของ VGI ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์

ส่วนในแง่ของผลิตภัณฑ์ Jaymart Mobile จะสามารถนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มของ VGI ที่มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มจุดให้บริการ (Service Point) บนสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการใช้เครือข่ายสื่อโฆษณา และการขนส่งสินค้าผ่านบริษัทในกลุ่ม VGI ขณะที่ VGI สามารถขยายช่องทางการจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Fanslink ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของกลุ่ม JMART มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่าย SINGER ถือเป็นเบอร์หนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันมีหน้าร้านที่แบ่งออกเป็นสาขาและแฟรนไชส์กว่า 2,000 แห่ง นอกจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านขายสินค้าเทคโนโลยีอย่าง Jaymart Mobile ยังมีบริษัทในเครือที่คอยเป็นตัวแทนของเครือข่ายในการกระจายสินค้าเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย โดยหากผสานกับบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จะเป็นการเพิ่มช่องทางและโอกาสในการต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือ JMART ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านเทคโนโลยีทางการเงินบล็อกเชน รวมทั้งการศึกษาด้านดิจิทัลโทเคน เป็นโอกาสในการนำโทเคน J Fin มาใช้ภายในเครือข่ายของกลุ่ม BTS คาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 1/2565  จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเติมเต็มอีโคซิสเต็มของ JMART ให้สมบูรณ์

จากนี้ไปก็ต้องจับตาดีลซูเปอร์ซินเนอร์ยี่ “เจมาร์ท กับ บีทีเอส” ว่า จะสามาถนำจุดแข็งของแต่กลุ่มมาสร้าง “อีโคซิสเต็ม” ธุรกิจครบวงจร และพร้อมผลักดันให้เข้าสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมากน้อยขนาดไหน

Back to top button