โบรกฯแนะ “ซื้อ” TU เป้า 30 บ. ชี้กำไร Q4/64 เฉียด 2 พันลบ. อานิสงส์ปรับราคาขายขึ้น

“ฟินันเซียฯ” แนะ “ซื้อ” TU เป้า 30 บ. ชี้กำไร Q4/64 แตะ 1.8-1.9 พันลบ. อานิสงส์ปรับขึ้นราคาทั้ง Frozen-Ambient ซึ่งปรับขึ้นทั้งอุตสาหกรรม จึงไม่กระทบต่อการแข่งขัน คงกำไรปี 64 ที่ 7.45 พันลบ.


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ม.ค.2565) โดยประเมิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ว่า มีการรายงานราคาปลาทูน่า Skipjack เดือน ธ.ค. เท่ากับ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 9.40% จากเดือนที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 34.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขยับขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และทำจุดสูงสุดในรอบ 44 เดือน หรือราว 3 ปีครึ่ง

ทั้งนี้ถือเป็นการปรับขึ้นสวนทางฤดูกาลที่ราคาปลามักปรับลงหลังผ่านพ้นช่วง Fad Ban สาเหตุที่ทำให้ราคาปรับขึ้นในช่วงนี้มาจากสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นลมแรง ทำให้จับปลาได้น้อยลง และคาดว่ามีโอกาสที่ราคาจะทรงตัวสูงไปอีก 1-2 เดือนถัดไป ถือเป็นลบต่อบริษัทฯ เพราะต้นทุนโดยเฉลี่ยจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2/2565 ขณะที่ไตรมาส 1/2565 ยังมีสต็อกราคาต่ำใช้อยู่ และเชื่อว่าราคาปลาน่าจะยังต่ำกว่าระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน น่าจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทฯ 1,500-1,700 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ต้นทุนค่าขนส่งยังกดดันค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง โดยดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์เซี่ยงไฮ้ SCFI เฉลี่ยไตรมาส 4/2564 เท่ากับ 4,691 จุด เพิ่มขึ้น 9.40% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 137.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จึงคาดค่าใช้จ่ายขนส่งจะขยับขึ้นสู่ระดับ 500-520 ล้านบาทในไตรมาส 4/2564 จาก 480 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564 และ 200 ล้านบาทต่อไตรมาสในครึ่งปีแรก 2564 ทำให้สัดส่วนค่าขนส่งต่อค่าใช้จ่ายรวมยังสูงเป็นระดับ 10%-12% จาก 5%-6% ในครึ่งปีแรก 2564 โดยเชื่อว่าค่าขนส่งไตรมาส 4/2564 คือจุดพีค และจะเริ่มทรงตัวถึงปรับลงในปี 2565

ขณะที่ราคาอลูมิเนียมตลาดโลกยังทรงตัวสูงเฉลี่ยไตรมาส 4/2564 เพิ่มขึ้น 4.10% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 42.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,760 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยบริษัทฯ มีสต็อกล่วงหน้าราคาต่ำพอใช้ถึงสิ้นปี 2564 และจะเริ่มรับรู้ต้นทุนใหม่ที่สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป จากการทำ Sensitivity ของทางฝ่ายวิจัยพบว่าราคาอลูมิเนียมที่ปรับขึ้นทุก 10% จะกระทบต่อกำไร 4% และกระทบราคาเป้าหมาย 1 บาท/หุ้น

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้เริ่มทยอยปรับขึ้นราคาที่กลุ่ม Frozen แล้ว ขณะที่ Demand โดยรวมดูดีขึ้นจากการ Reopen ในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐ และการฟื้นของ Pet Food หลังโควิดคลี่คลาย ทำให้สามารถปรับขึ้นราคาเพื่อสะท้อนผลของ Inflation ได้ ส่วน Ambient แม้รายได้จะชะลอเพราะฐานสูง แต่เริ่มเจรจาปรับขึ้นราคาแล้วเช่นกัน โดยเป็นการปรับขึ้นทั้งอุตสาหกรรม จึงไม่กระทบต่อการแข่งขัน มีแนวโน้มว่ากำไรไตรมาส 4/2564 อาจทำได้ราว 1.80-1.90 พันล้านบาท ดูดีกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยเคยคาดไว้ราว 1.40-1.50 พันล้านบาท ถือเป็นกำไรที่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ทั้งที่ปกติเป็น Low Season และจะโตดีจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้คาดจะรับรู้ผลของการปรับขึ้นราคาได้เต็มไตรมาสในไตรมาส 1/2565 ทำให้ทางฝ่ายวิจัยคลายความกังวลเรื่องต้นทุนได้ โดยทางฝ่ายวิจัยยังคาดกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ตามเดิมที่ 7.45 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและปี 2565 ไว้ตามเดิมที่ 7.63 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 30 บาท (SOTP, Implied เป็นค่า PE ที่ 20 เท่า) บริษัทฯ อยู่ระหว่าง Spin-off ธุรกิจ Pet Care หรือ i-Tail (คาดภายในไตรมาส 3/2565) ยังแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button