โบรกแนะสอย HMPRO เป้า 18.30 บ. ลุ้นกำไร Q4/64 แตะ 1.6 พันล. รับแรงหนุน SSSG – ยอดขายฟื้น

โบรกเชียร์ซื้อ HMPRO ราคาเป้าหมาย 18.30 บ. ลุ้นกำไรไตรมาส 4/64 แตะ 1.6 พันลบ. รับแรงหนุน SSSG พลิกเติบโต - ยอดขายฟื้นตัว


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดภาพรวมไตรมาส 4/2564 บริษัทจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจาก SSSG หรือ การเติบโตจากยอดขายสาขาเดิมเมื่อเดือนตุลาคม เริ่มพลิกกลับเป็นบวกในระดับสิบต่ำและเลขหนึ่งหลักสูง ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า SSSG จะเติบโต 10% จึงประมาณกำไรไตรมาส 4/2564 จะแตะที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท

โดยผู้บริหาร HMPRO ได้เปิดเผยผ่านการเข้าร่วมงาน Finansia Investment Conference เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 ที่ผ่านว่า บริษัทได้มีการตั้งเป้าการเติบโตของ SSSG ว่าจะต้องใกล้เคียงกับ GDP โดยเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าตัวเลขจะเติบโต 20 – 40% โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 1.สัดส่วนยอดขาย Private Band ที่สูงขึ้น 0.5% – 1% (ปัจจุบัน 19.5%) และ2.อัตรากำไรขั้นต้น ที่กำลังปรับตัวขึ้นของยอดขาย Non-private Brand โดย HMPRO คาดว่าสัดส่วนยอดขาย Private Brand จะเติบโต 25% ของยอดขายรวมภายใน 3-5 ปีข้างหน้า กรณีที่สมมุติให้ปัจจัยอื่นคงที่ ยอดขาย Private Brand จะเพิ่มขึ้นทุก 1% จะทำให้ HMPRO มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10% – 15%

นอกจากนี้ยังมีแผนการมีแผนการขยายธุรกิจที่เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้นในปี 2565 โดยวางแผนเปิดสาขาใหม่ 5-6 สาขา ประกอบด้วย HomePro 1-2 แห่งและ Mega Home อีก 3-4 แห่ง สำหรับเป้าหมายในระยะยาวผู้บริหารคาดว่าตัวเลขสาขารวมจะเพิ่มเป็น 150 สาขาจาก 114 ในปัจจุบัน ส่วนยอดขายออนไลน์น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญนอกจากการขยายสาขา ซึ่ง ผู้บริหารคาดว่ายอดขายออนไลน์จะเพิ่มเป็น 15% ของยอดขายรวมในอีก 5 ปีข้างหน้าจาก 6% ขณะที่ปัจจุบัน ยอดขายออนไลน์ 1% เท่ากับยอดขายของสาขา Offline 1 แห่ง

ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 18.30 ปัจจุบัน HMPRO มีการซื้อขายที่ 28.8x ของค่า 2022E P/E หรือใกล้กับ -1.0 SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 33x  ในระยะสั้น ปัจจัยบวกจะอยู่ที่กำไรไตรมาส 4/2564 ที่คาดว่าจะออกมาดีของ HMPRO แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid อาจเพิ่มในไตรมาส 1/2565 จากสายพันธ์ Omicron แต่คาดว่าข้อบังคับจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปี 2020-21 ซึ่งหมายถึงว่าราคาหุ้นอาจมีความเสี่ยงขาลงจากัดอยู่ที่ 13.5

Back to top button