ครม. เคาะลดภาษี “ดีเซล” ลิตรละ 3 บ. นาน 3 เดือน

ครม. ไฟเขียวปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลงลิตรละ 3 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตราลิตรละ 5.99 บาท เป็นเวลา 3 เดือน


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลงลิตรละ 3 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตราลิตรละ 5.99 บาท โดยจะปรับลดลงประมาณ 3 เดือน

“คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตในการลดภาษีน้ำมันเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่กฏกระทรวงมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ 20 พ.ค. 2565” นายธนกร กล่าว

ทั้งนี้การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน จะทำให้โครงสร้างน้ำมันดีเซลปรับลด 3 บาทต่อลิตร แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท และหลังจากครบกำหนด 3 เดือน ก็กลับสู่ราคาเดิม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ลดลงโดยตรง รวมถึงส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงไปด้วย

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จะทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้เดือนละ 5,700 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 17,000 ล้านบาท แต่เรื่องนี้ มีความจำเป็นต้องลดภาษี เพื่อช่วยเหลือพยุงราคาน้ำมันร่วมกับกระทรวงพลังงาน เนื่องจากขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะต้องเข้าไปอุดหนุนทั้งราคาน้ำมันดีเซล และราคาก๊าซแอลพีจี ที่ปัจจุบันราคาตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในส่วนของรายได้กรมสรรพสามิตที่หายไปนั้น เมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นก็จะมีรายได้จากภาษีส่วนอื่นเข้ามาชดเชยได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ในภาพรวม ส่วนจะปิดปีงบประมาณ 2565 ได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูเรื่องราคาน้ำมันก่อน

“ความจำเป็นที่ต้องลดภาษีน้ำมันดีเซล มีเหตุผล เนื่องจากรัฐบาลได้ขยายเวลาการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.2565 เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งของประเทศยูเครน และคาดว่าหลังจากเดือน พ.ค.ไปแล้ว ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะทยอยปรับลดลง ก็จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศถูกลงได้ ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศจะเป็นเช่นไร หลังมีการลดภาษีน้ำมันแล้ว เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงานจะบริหารจัดการต่อไป” นายอาคม กล่าว

ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ ยังไม่สามารถกู้เงินได้ตามเพดานที่ ครม.อนุมัติรวม 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยังติดปัญหาทางบัญชี หลังจากกองทุนน้ำมันฯ ได้เปลี่ยนจากนิติบุคคล ภายใต้การดูแลของกระทรวงพลังงาน มาเป็นองค์การมหาชน ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนระบบบัญชีไปด้วย แต่คาดว่าจะสามารถจัดการเรื่องบัญชีได้เรียบร้อย และเดินหน้ากู้เงินได้ในเดือน มี.ค. 2565

ขณะเดียวกันนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลเป็นพื้นฐานสำคัญของค่าครองชีพประชาชน สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องในขณะนี้ ทำให้รัฐบาลเกรงว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบรุนแรงมากขึ้น จึงได้มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้สูงสุด 3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้กระทรวงพลังงานได้มีความคล่องตัวในการบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรตามนโยบายรัฐบาล

“การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ ไม่ได้มีแรงกดดันทางการเมือง แต่เป็นการดูแลประชาชน ส่วนรายได้ของกรมสรรพสามิตที่หายไปนั้น กระทรวงการคลังจะดูแลว่าจะมีอะไรมาชดเชยได้บ้าง” นายสันติ กล่าว

อย่างไรก็ตามส่วนของสถิติรายได้กรมสรรพสามิตรรวมประเภท เดือนมกราคม 2565 ปีงบประมาณ 2565 ผลปรากฏว่าในส่วนประเภทรายได้ของภาษีน้ำมันฯมีการเก็บได้จริง 21,298.17 ล้านบาท ส่วนเก็บได้ปีที่แล้ว 17, 098.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,199.93 ล้านบาท หรือ 24.56%

ขณะที่ช่วงเดือนตุลาคม 2564 – มกราคม 2565 ปีงบประมาณ 2564 ประเภทรายได้ของภาษีน้ำมันฯมีการเก็บได้จริง 73,770.99 ล้านบาท ส่วนเก็บได้ปีที่แล้ว 72,420.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,350.32 ล้านบาท หรือ 1.86%

Back to top button