IRPC วางงบปี 65 ลงทุน 2 หมื่นลบ. ซ่อมบำรุง-ลุย M&A ย้ำเป้าปี 73 อีบิทด้า 3 หมื่นลบ.!

IRPC วางงบปี 65 ลงทุน 2 หมื่นลบ. ซ่อมบำรุงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ เดินหน้าเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพิ่ม ย้ำเป้าปี 73 อีบิทด้า 3 หมื่นลบ. เผยราคาน้ำมันพุ่งสูงอาจกระทบต้นทุนปีนี้


นางสาวกัญยามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ได้เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัท ผ่านงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 25 ก.พ. 2565 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 235,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับปี 2563

นอกจากนี้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA อยู่ที่ 26,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,269 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 475 และมีกำไรสุทธิ 14,505 ล้านบาท เทียบกับ ปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6,152 ล้านบาท

โดยในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการผลิตโครงการ ABS Expansion เมื่อช่วงเดือนเม.ย.2564 รวมทั้งเริ่มผลิตและจำหน่ายซิงก์ออกไซด์นาโน นวัตกรรมอาหารสำหรับพืชเมื่อช่วงเดือนพ.ย.2564 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (ที่เป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ปตท. จำกัด หรือ PTT ถือหุ้นทั้งหมด) จัดตั้งบริษัทใหม่ ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ผ้าประเภทไม่ถักไม่ทอ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัย คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายได้ในไตรมาส 2/2565

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1. โครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) Profect สำหรับแปลง IISOGO เป็น LSGO เพื่อให้ได้มาตรฐาน Euro5 ซึ่งรัฐบาลจะประกาศในปี 2567 ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะสามารถ COD ได้ในช่วงม.ค. 2567 ใช้เงินลงทุนประมาณ 13,300 ล้านบาท โดยขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว 20% และ คาดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

รวมทั้ง 2. โครงการ INNOPOLYMED ผลิตผ้าประเภทไม่ถักไม่ทอ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัย มีกำลังการผลิต 5.6 KTA เงินลงทุนประมาณ 260 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2565

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2573 อยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท แม้ว่าปัจจุบัน EBITDA จะทะลุเป้าหมายในปี 2568 ที่ระดับ 20,000 ล้านบาทไปแล้วก็ตาม

ทั้งนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยจะใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ประมาณ 8,000 ล้านบาท และใช้ในการซ่อมบำรุงประจำปีปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ส่วนแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น (Maintenance shutdown) ในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2565 โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

ขณะที่ปัญหาทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ก็จะมีผลทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน (stock gain) ตามมาด้วยเช่นกัน

Back to top button