ลุ้น SC ปีนี้ “นิวไฮ” รับแผนเชิงรุกดันธุรกิจโต โบรกเคาะเป้า 4.60 บ.

ลุ้น SC ปี 65 นิวไฮทุกมิติ รับแผนเชิงรุกดันธุรกิจโต โบรกอัพกำไรปกติ แตะ 2.38 พันลบ. โต 17% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.พ. 2565) ว่า บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ว่า บริษัทฯ แถลงกลยุทธ์การเติบโตใน 4 ปีข้างหน้า ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก (1) Thriving – มุ่งรายได้รวมเติบโตต่อเนื่องแตะระดับแสนล้านบาท จากรายได้พัฒนาอสังหาฯ เพื่อขาย และเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจอื่น ได้แก่ การลงทุนอสังหาฯเพื่อเช่าในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมี Service Apartment 2 แห่งตั้งอยู่ที่บอสตัน อัตราการเช่าเต็ม 100%, ธุรกิจโรงแรมผ่านการลงทุนเองภายใต้แบรนด์ YANH คาดเปิดดำเนินการแห่งแรกที่ราชวัตรในไตรมาส 4/2565  และพัทยาในปี 2568 และมีโอกาสเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม รวมถึงการขยายการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับธุรกิจอสังหาฯเกี่ยวกับโลจิสติกส์ คาดมีความชัดเจนกลางปีนี้ (2) Connecting – เชื่อมต่อเทคโนโลยีกับสินค้าและบริการ รวมถึงเตรียมออก SC Morning Coin ในไตรมาส 4/2565 (3) Sustaining – สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สำหรับปี 2565 บริษัทฯ เผยแผนเชิงรุกตั้งเป้าหมายทำ New High ทุกรายการ ดังนี้ (1) ตั้งเป้ารายได้รวม 2.20 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นแนวราบ 66%, คอนโด 30% และธุรกิจอื่น 4% (2) ยอด Presales ที่ 2.20 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 66% และคอนโด 34% (3) แผนรุกเปิดโครงการใหม่รวม 27 โครงการ มูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับปี 2564 เปิด 8 โครงการ มูลค่า 9.70 พันล้านบาท) แบ่งเป็นแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 3.35 หมื่นล้านบาท (สูงกว่าที่บริษัทฯ เคยเผยไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท) โดยสัดส่วนกว่า 70% ยังเน้นบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท/ยูนิต พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ระดับ Super Luxury ราคามากกว่า 50 ล้านบาท/ยูนิต

ส่วนคอนโดเปิดตัว 2 โครงการ มูลค่ารวม 6.50 พันล้านบาท ได้แก่ SCOPE Thonglor คอนโดระดับ Super Luxury ราคาเริ่มต้น 140 ล้านบาท/ยูนิต และอีก 1 แห่งระดับกลางบนแบรนด์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการ Gen Y ที่สาทร วงเวียนใหญ่ ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท/ยูนิต 4) งบลงทุนซื้อที่ดินและอสังหาฯในสหรัฐรวม 1.15 หมื่นล้านบาท

ด้านแผนการเปิดโครงการแนวราบถือว่ามากกว่าที่บริษัทฯ เคยเปิดเผย ขณะที่ทางฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าอุปสงค์ในตลาดแนวราบจะแข็งแกร่ง โดยเฉพาะระดับบนซึ่งมีกาลังซื้อดี และ SC ครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดบ้านเดี่ยวมากว่า 20 ล้านบาท ทำให้คาดว่าการเปิดตัวใหม่จะยังได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทฯ รับมือกับการก่อสร้างแนวราบที่ไม่ทันตามยอดขายที่เร่งขึ้นเร็ว โดยปรับระยะเวลาการสร้างสต็อกรอขายจาก 2 เดือนเป็น 6 เดือน และเพิ่มจำนวนผู้รับเหมา ดังนั้น ทางฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2565 ขึ้นจากเดิม 4% เป็น 2.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับยอดโอนขึ้น 5% เป็น 2.10 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากแผนรุกเปิดโครงการแนวราบใหม่ และผลของการบริหารจัดการสต็อกแนวราบทำให้มีสินค้าพร้อมโอนเพิ่มขึ้นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/2565

รวมถึงมีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 3 แห่งในไตรมาส 4/2565 ทำให้ประเมินว่าโมเมนตัมผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2565 จะเด่นขึ้นเมื่อเทียจากช่วงครึ่งปีก่อนและไตรมาส 4/2565 เป็นไตรมาสดีที่สุดของปี โดยมี Backlog ณ สิ้นปี 2564 ที่ 8.50 พันล้านบาท Secured 37% ของคาดการณ์ยอดโอน

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2565 เป็น 4.60 บาท สะท้อนการปรับประมาณการ และปรับเพิ่ม Target PE ขึ้นเป็น 8 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 6 ปีย้อนหลังที่ 7.30 เท่า (จากเดิม 7.50  เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) สะท้อนมุมมองบวกจากผลประกอบการปี 2565 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ผ่านจุดแข็งของความสำเร็จของการเปิดตัวแนวราบระดับบนที่บริษัทฯ ถนัด พร้อมคอนโดที่กลับมามีบทบาทอีกครั้ง หลังปี 2563-2564 ไม่มีโครงการโอนใหม่ ขณะที่กลยุทธ์เชิงรุกเปิดตัวโครงการใหม่จะเป็นส่วนรองรับรายได้อสังหาฯเพื่อขายใน 3 ปีข้างหน้า บวกกับสร้างการเติบโตใหม่และเป็น Recurring income ผ่านขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่นมากขึ้น ซึ่งอาจทาให้ Valuation ถูก Re-rate ขึ้นในอนาคต

โดยปัจจุบันเทรดบนค่า PE ปี 2565 ไม่สูง 7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ 8.90 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากประกาศจ่ายเงินปันผลงวดเต็มปี 2564 ที่ 0.20 บาท/หุ้น Yield สูง 5% ขึ้น XD วันที่ 29 เม.ย. และจ่ายปันผล 19 พ.ค. 2565 ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2565 คาดขยายตัวได้จากงวดเดียวกันของปีก่อนจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button