WHA ตั้งเป้าปี 65 ขายที่ดิน 1.25 พันไร่ ลุ้น Q1 ปิดดีลเช่าคลังสินค้า 3.5 หมื่นตรม.

WHA ตั้งเป้าปี 65 ขายที่ดินกว่า 1,250 ไร่ ลุ้นไตรมาส 1/65 ปิดดีลขาย 200 ไร่-ปล่อยพื้นที่เช่าคลังสินค้า 3.5 หมื่นตรม. วางงบลงทุน 5 ปี (ปี 65-69) ไว้ที่ 5 หมื่นลบ. ขยาย 4 กลุ่มธุรกิจ มั่นใจดันรายได้ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะ 2.1 หมื่นลบ. ในปี 69


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ได้เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่  4 มี.ค.2565 ว่า ในช่วงปี 2564 กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 68,000 ไร่ แบ่งเป็น 12 นิคมอุตสาหกรรม โดยในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จากการย้ายฐานผลิตจากจีนมายังกลุ่มประเทศอาเซียน ส่งผลให้มียอดขายที่ดินรวมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม 879 ไร่

ขณะเดียวกันธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานโดย บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ปัจจุบันมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมด 135 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนธุรกิจพลังการมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) รวมตามสัดส่วนการถือหุ้นแล้ว 607 เมกะวัตต์ (MW) ขณะที่กลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์มมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น โดยปัจจุบันมี 3 ดาต้าเซ็นเตอร์ และมีการลงทุนติดตั้งไฟเบอร์ออฟติก (FTTx)  ในพื้นที่ 9 นิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 12,078 ล้านบาท เติบโต 29% จากปี 2564 ส่วนกำไรสุทธิปกติ 2,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2564

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่กว่า 200 ไร่ คาดหวังว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 1/2565 และยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินกว่า 300 ไร่กับลูกค้าต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่ขยายธุรกิจเกี่ยวกับรถ EV ด้วย

ทั้งนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบ (Backlog) รวม 550 ไร่ โดยเป็นที่ดินในไทย 544 ไร่ และเวียดนาม 6 ไร่ ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าในมือ (Land Bank) จำนวน 12,100 ไร่ ในส่วนนี้เป็นที่ดินที่พัฒนาไปแล้วและพร้อมขาย 4,160 ไร่ โดยยังคงมองหาโอกาสซื้อที่ดินใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเพื่อรองรับโครงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

สำหรับทั้งปี 2565 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,250 ไร่ เติบโต 40% จากปีก่อนอยู่ที่ 891 ไร่ เป็นไปตามการกลับมาเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม จากไม่มีการล็อกดาวน์ประเทศแล้ว โดยแบ่งเป็นยอดขายที่ดินในไทย 950 ไร่ และเวียดนาม 300 ไร่

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมามีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าภายในไตรมาส 1/2565 จะสามารถปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ได้ ในการเช่าคลังสินค้า Built-to-suit ประมาณ 35,000 ตารางเมตร หลังจากต้นปีปิดดีลไปแล้วประมาณ 10,000 ตารางเมตร ส่งผลให้คาดว่าทั้งไตรมาส 1 นี้จะมีสัญญาเช่าคลังสินค้าทั้งสิ้นราว 40,000-50,000 ตารางเมตร

ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน วางเป้าหมายยอดขายน้ำในปีนี้ไว้ที่ 153 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อน 135 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงตั้งเป้ามีกำลังการผลิตใหม่จากพลังงานแสงอาทิตย์อีก 58 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือ (PPA) ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 700 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 642 เมกะวัตต์

ขณะที่ธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) บริษัทฯ เตรียมจำหน่ายดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่ง โดย 1 แห่ง คาดจะสามารถบันทึกกำไรเข้าในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 1 แห่งก็จะดำเนินการจำหน่ายให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 1/2565

บริษัทยังคงงบการลงทุน 5 ปี (ปี 2565-2569) ไว้ที่ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท, ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท, ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท, และอีก 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี เป็นต้น โดยมีเป้าหมายผลักดันรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 21,000 ล้านบาทในปี 2569 หรือเพิ่มขึ้น 1.75 เท่าจากปี 2564 พร้อมรักษาอัตราผลกำไร (EBITDA) แข็งแกร่งกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมต่ำกว่า 1.2 เท่า

 

Back to top button