“ดาวโจนส์” ดิ่งต่อกว่า 400 จุด กังวลเงินเฟ้อพุ่ง ฉุดเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า

“ดาวโจนส์” ดิ่งต่อกว่า 400 จุด คาดนักลงทุนเทขาย กังวลน้ำมันพุ่งกระตุ้นเงินเฟ้อ กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมจับตาสถานการณ์ยูเครน หลังรัสเซียยื่น 4 ข้อตกลงหยุดยิง


ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะกระตุ้นเงินเฟ้อ และจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

โดย ณ เวลา 22.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,199.55 จุด ลบ 415.25 จุด หรือ 1.24%       

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน

นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและพันธมิตรกำลังพิจารณาคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้นนักลงทุนยังคงจับตาวิกฤตยูเครน ขณะที่รัสเซียได้ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนเป็นวันที่ 12

โดยล่าสุด นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมยุติปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน “โดยทันที” หากยูเครนปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัสเซีย

ด้านนายเพสคอฟ กล่าวถึงรายละเอียดของเงื่อนไขต่างๆ ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดเผยจุดยืนของรัสเซียที่ชัดเจนที่สุดนับตั้งแต่ที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2564 โดยเงื่อนไขที่ยูเครนจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหาร ได้แก่ 1) ยูเครนจะต้องยุติการดำเนินการทางทหาร 2) ยูเครนจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเป็นประเทศเป็นกลาง โดยยูเครนจะต้องปฏิเสธความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรใดๆ 3) ยูเครนจะต้องให้การรับรองว่าไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย 4) ยูเครนจะต้องให้การรับรองว่าสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์ เป็นรัฐอิสระ ทั้งนี้หากยูเครนยอมรับเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อดังกล่าว รัสเซียก็จะยุติปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนโดยทันที

ขณะที่ตลาดจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%

Back to top button