BCH ปักธงปีนี้บุ๊ครายได้ฉีด “โมเดอร์นา” 3 พันลบ. อัดงบลงทุน 920 ล้าน ลุย “รีโนเวท” รพ.

BCH ปักธงปีนี้บุ๊ครายได้ฉีด “โมเดอร์นา” 3 พันลบ. คาดพ.ค.-มิ.ย.65 คนแห่ใช้บริการแน่น พร้อมอัดงบลงทุน 920 ล้าน ลุยปรับปรุงโรงพยาบาล-ซื้อเครื่องมือแพทย์ และเดินหน้าหาโอกาสลงทุนเพื่อขยายธุรกิจต่อเนื่อง


นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 11 มี.ค.65 ว่า สำหรับแผนลงทุนปี 2565 บริษัทตั้งงบลงทุน 920 ล้านบาท โดยมีแผนนำไปปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ,ขยายห้องปฏิบัติการ,ซื้อสินทรัพย์,เปิดศูนย์บริการเพิ่มเติม และซื้อเครื่องมือแพทย์

โดยแบ่งเป็น การลงทุนในที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแคโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น,โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ฉะเชิงเทรา อีกทั้งลงทุนในโรงพยาบาลการุญเวชปทุมธานี ซึ่งในส่วนนี้ได้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยมีการชำระเงินและโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อย และต่อจากมีการสร้างอาคารและขยายศักยภาพ รวมไปถึงจะมีการรีแบรนด์จากโรงพยาบาลการุญเวชเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ในอีกต่อไป

นอกจากนี้โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ขณะนี้อยู่ระหว่างสร้างหอพักแพทย์เพิ่มเติม และจะมีการเปิดศูนย์ความงาม และในไตรมาส 1/2565 จะมีการเปิดศูนย์แล็บที่โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์

สำหรับการบริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.-31 ธ.ค.2564 บริษัทได้ฉีดไปแล้ว 345,000 โดส และบันทึกรายได้เรียบร้อยแล้ว 570 ล้านบาท ส่วนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านม.ค.-ก.พ.2565 บริษัทได้ฉีดไปแล้ว 300,000 โดส และเริ่มบันทึกรายได้มาแล้ว

ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าฉีดให้ครบทั้งหมด 2 ล้านโดส โดยคาดว่าปีนี้จะบันทึกเป็นรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท เนื่องจากคนไข้มาฉีดวัคซีนเข็ม 3 คาดว่าในช่วงพ.ค.-มิ.ย.2565 จะมีผู้มาใช้บริการอีกระลอกใหญ่ ซึ่งจะเป็นการระบายวัคซีนที่มีอยู่ในมือได้เป็นอย่างดี

สำหรับแผนในช่วง 5 ปี บริษัทยังคงศึกษาการลงทุนโรงพยาบาลแห่งใหม่ และอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่มียุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม เพื่อไปสร้างโรงพยาบาลให้บริการกับกลุ่มเป้าหมาย และมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ M&A ในอนาคต

ส่วนประเด็นรัฐบาลเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำท้องถิ่นยังต้องติดตามและสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ เพราะจะเห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในเดือนมีนาคม 2565 มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 7 หมื่นราย ซึ่งเรายังไม่สามารถบ่งชี้ได้แน่ชัดว่าจำนวนพีคผู้ติดเชื้อจะมีอีกเมื่อไหร่และจะเริ่มลดลงเมื่อไหร่ ซึ่งทาง BCH มีการปรับกลยุทธ์ยุทธศาสตร์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาพยาบาลให้เข้ารับบริการสถานพยาบาลตามสิทธิ์การรักษาตนเอง,สวัสดิการข้าราชการ,หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และประกันสังคม โดยสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลใดก็ได้ภายใต้สิทธิของตนเอง และจัดการปรับแนวทางและอัตราเบิกจ่ายจากกองทุน UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) ดังนี้

สำหรับคนไข้กลุ่มสีเขียวปัจจุบันทางเครือ BCH ได้เสนอบริการคนไข้ตามสิทธิ์การรักษา โดยให้บริการตรวจ ATK โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยคนไข้สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าระบบ Home Isolation และ Hotel Isolation โดยผู้เข้ารักษาระบบ Home Isolation เมื่อผลตรวจ ATK ติดเชื้อทางโรงพยาบาลจะจ่ายยาให้ทันที และดูแลเรื่องอาหารและติดตามอาการเป็นระยะเวลา 10 วัน

ส่วนผู้ป่วยต้องการจะเข้าระบบ Hotel Isolation ทางโรงพยาบาลจะให้ตรวจผล RT-PCR อีกครั้ง หากผลติดเชื้อทางโรงพยาบาลจะส่งรถไปรับเข้าระบบการให้บริการโดยจะมีแนวทางดูแลคล้าย Home Isolation  แต่จะมีระยะเวลาดูแลประมาณ 8 วัน หักลบระยะเวลารอผลตรวจและรอรถไปรับ 2 วัน ซึ่งทั้ง 2 แนวทางสามารถเบิกจ่ายจากกองทุน”ยูเซ็ป” ได้ที่ราคาเหมาจ่าย 1,2000 บาท

สำหรับสิทธิประกันสังคมคนไข้สามารถเข้าร่วมโครงการตามสิทธิ์ โดยผลตรวจ ATK ติดเชื้อคนไข้สามารถเข้าใช้โรงพยาบาลตามสิทธิ โดยทางโรงพยาบาลสามารถเบิกจ่ายจากประกันสังคมได้คืนละ 2,000 บาท

นอกจากนั้นเพื่อเปิดเป็นทางเลือกโอกาสให้คนที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางประกันสังคม โดยทางโรงพยาบาลได้นำเสนอผู้ป่วยเฉพาะกิจทางเลือก โดยคนไข้จะต้องตรวจ RT-PCR  ก่อนเข้ารับบริการ โดยทางโรงพยาบาลจะเสนอแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 28,000 บาท และขึ้นอยู่กับระดับโรงแรมที่ร่วมบริการ

โดยทั้ง 3 แนวทางทางเครือ BCHได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 โดยข้อมูล ณ 10 มี.ค.2565 มีคนไข้ในระบบ Home Isolation แล้วจำนวน 6,0041 ราย และคนไข้อยู่ในระบบ Hospitel,Hotel Isolation ,โรงพยาบาลสนาม รวม 12,788 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 1,034 ราย รวมทั้งเครือ BCH รักษาผู้ป่วยโควิด ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565 จำนวน 20,368 ราย

Back to top button