CENTEL ปักหมุดปี 65 รายได้ธุรกิจโรงแรม 5.9 พันลบ. ผลดีผ่อนกฎรับนทท.ต่างชาติ

CENTEL ปักหมุดปี 65 รายได้ธุรกิจโรงแรม 5.9 พันลบ. หลังผ่อนกฎรับนทท.ต่างชาติ เผย 2 เดือนแรกปี 65 ยอดเข้าพักพุ่งสูง ลั่นธุรกิจร้านอาหารฟื้นตัวแกร่ง พร้อมแนะรัฐออก-ขยายมาตรการดึงดูดดีมานด์นักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติเพิ่ม


นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง MCOT HD30 ในวันที่ 22 มีนาคม 2565 มีประเด็นสำคัญดังนี้

การผ่อนปรนมาตรการรองรับชาวต่างชาติล่าสุด จะช่วยให้สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

มองว่าการผ่อนปรนมาตรการในครั้งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและความยากลำบากของนักท่องเที่ยว และเป็นส่งสัญญาณที่ดีต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในส่วนของตัวเลขอัตราการเข้าพักแรม (Occupancy Rate) ปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี โดยภูเก็ตในช่วงสงกรานต์อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 80-100% รวมถึงหัวหิน กระบี่ พัทยา เห็นตัวเลขอัตราการเข้าพักแล้วประมาณ 50%

ทั้งนี้แบรนด์ที่เป็นเรือธงในประเทศไทยสำคัญของ CENTEL ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เซ็นทาราแกรนด์ และมีแบรนด์ใหม่คือ เซ็นทารา รีเสิร์ฟ สมุย ที่เริ่มเปิดบริการเมื่อเดือนธ.ค.2564 ที่ผ่านมา

ขณะที่โรงแรมในต่างประเทศทั้งที่มัลดีฟส์ และดูไบ ก็ทำได้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน โดยมีอัตราการเข้าพักที่ที่มัลดีฟส์ อยู่ที่ประมาณ 80-90% ส่วนดูไบ ประมาณ 85-90%

การปรับลดโครงสร้างต้นทุนในช่วงที่ผ่านมา ผ่านการทำ Digital Transformation ถือเป็นการปรับเปลี่ยนถาวรหรือไม่ หรือเป็นแค่แผนรองรับต่อสถานการณ์ในช่วงสั้น

Digital Transformation ไม่ได้ช่วยเพียงแค่เรื่องของการลดต้นทุน แต่ยังช่วยเพิ่มรายได้อีกด้วย ในแง่ของโรงแรมเองในปี 2564 มีรายได้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ต้นทุนและค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าเช่า 2,800 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานประมาณ 40% ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มีการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันมีพนักงานรวมทั้งหมดประมาณ 2,800 คน คิดเป็นปรับตัวลดลงกว่า 40% จากยอดพนักงานช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานลดลง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ธุรกิจโรงแรมปี 2565 ไว้ที่ 5,900 ล้านบาท

แนวโน้มอัตราการทำกำไรในปี 2565 เป็นอย่างไร

ดูจากแนวโน้มช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะสามารถทำผลงานออกมาได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยธุรกิจอาหารตั้งเป้ากลับมามีรายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโตราว 30% จากปี 2564 ส่วนธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะรับรู้รายได้โรงแรมที่ดูไบ และเซ็นทารา รีเสิร์ฟ สมุย เต็มปี รวมทั้งโรงแรมในเครืออื่นๆ น่าจะมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น จากการผ่อนปรมมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งเรามีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวของเต็มที่

ความพร้อมด้านเงินทุน สถานที่ บุคคลากร และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในการให้บริการทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เพื่อให้ผลประกอบการกลับคืนสู่ระดับช่วงก่อนโควิด-19 เป็นอย่างไร ยังมีศักยภาพในระดับเทียบเท่าก่อนหน้านี้หรือไม่

ในส่วนของธุรกิจโรงแรมปัจจุบันนี้ก็เปิดบริการเกือบจะเต็ม 100% แล้ว โดยมีโรงแรมทั้งหมด 19 แห่ง แต่ตอนนี้ปิดบริการอยู่เพียงแค่ 3 แห่ง ซึ่ง 2 แห่งนั้นอยู่ในจ.ภูเก็ต เนื่องจาก 2 แห่งนี้มีการพึ่งพานักท่องเที่ยวออสเตรียเลียค่อนข้างมาก จึงต้องทบทวนเวลาเปิดบริการที่เหมาะสมกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้คาดว่าออสเตรียเลียจะเปิดให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้ตั้งแต่เม.ย. 2565 เป็นต้นไป

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวชายยุโรปหรือไม่

ธุรกิจของ CENTEL ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวไม่มากนัก เห็นได้จากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โรงแรมที่มัลดีฟส์ มีนักท่องเที่ยวรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 6% และบริษัทฯ พยายามกระจายสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยอินเดียประมาณ 20% เยอรมัน 10% สหรัฐอเมริกา 5% ส่วนโรงแรมที่ดูไบ จะมีฐานนักท่องเที่ยวจาก UAE ประมาณ 50% รัสเซีย 8% ยุโรปรวมกันประมาณ 18%

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ในฐานะผู้ประกอบการหลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

หากมองในมุมของผู้ประกอบการขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือมาตรการที่จะช่วยเพิ่มดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเปิดประเทศให้เร็วที่สุด และเร็วกว่าประเทศคู่แข่งด้วย รวมทั้งยกเลิกการตรวจ rt pcr ให้เร็วที่สุด เรื่องประกันก็ให้ปรับลดลง หรือยกเลิกไปเลยได้หรือไม่ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มากขึ้น

ส่วนที่ 2 มาตรการที่จะช่วยเพิ่มดีมานด์นักท่องเที่ยวในประเทศ โดยอยากให้ขยายเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และส่วนที่ 3 มาตรการลดภาระผู้ประกอบการ อาทิ การลดภาษีที่อยู่และสิ่งปลูกสร้าง เชื่อว่าจะช่วยลดภาระลงได้อย่างมากทีเดียว และสนับสนุนในเรื่องของค่าไฟฟ้า

Back to top button