ยกเลิก “RT-PCR” ได้ผล! ดึง “ฝรั่ง” เข้าไทยล้น จับตา “AOT-โรงแรม” วิ่งแรงจันทร์นี้

ยกเลิก "RT-PCR" ได้ผล! ดึง “ฝรั่ง” เข้าไทยล้น จ่อสรุปตัวเลขนักท่องเที่ยวสัปดาห์นี้ มีลุ้นสงกรานต์บรรยากาศคึกคักคาดต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โบรกประเมิน AOT-CENTEL-MINT-ERW รับเต็มท่องเที่ยวฟื้น แถมหุ้นอาหาร M จับตาวิ่งแรงจันทร์นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ยกเลิกการตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ล่วงหน้า 72 ชั่วโมง ก่อนเข้าประเทศไทยของนักเดินทางทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Test & Go , แซนด์บ็อกซ์หรือ แบบกักตัว ซึ่งมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 โดยผู้ที่เข้าประเทศไทยมาในระบบ Test & Go ยังคงต้องตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงประเทศไทยวันแรก รวมถึงติดตามการคัดกรองตนเองด้วยการตรวจ ATK ในวันที่ 5

ขณะที่ผู้เดินทางเข้ามาแบบกักตัวต้องตรวจ RT-PCR เมื่อถึงไทย และติดตามอีกครั้งด้วยการตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4 หรือ 5 ก่อนออกจากสถานที่กักตัวนอกจากนี้ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาแบบ แซนด์บ็อกซ์ และกักตัว มีการลดจำนวนวันที่ต้องอยู่ในพื้นที่จาก 7 วัน เหลือ 5 วัน

รวมถึงได้มีการปรับพื้นที่เสี่ยงภายในประเทศ โดยปรับลดพื้นที่สีส้มจาก 44 จังหวัดเหลือ 20 จังหวัด ในขณะที่พื้นที่สีเหลือง เพิ่มขึ้นจาก 25 จังหวัด เป็น 47 จังหวัดสำหรับพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 10 จังหวัด และจังหวัดอื่นดำเนินการนำร่องบางพื้นที่อีก 16 จังหวัด

สำหรับมาตรการเพิ่มเติมในพื้นที่สีส้มและสีเหลือง ได้แก่ “พื้นที่สีส้ม” จำกัดห้ามร่วมกลุ่มกันเกิน 500 คน และยังไม่อนุญาตบริโภคสุราในร้านอาหาร แต่สามารถจำหน่ายนำกลับไปดื่มที่บ้าน ขณะที่ “พื้นที่สีเหลือง” จำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 1,000 คน และสามารถดื่มสุราในร้านอาหารได้ แต่ไม่เกิน 23.00 น.

ทั้งนี้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยกับทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” เกี่ยวกับกรณียกเลิกมาตรการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศไทย 72 ชั่วโมงในประเทศต้นทาง ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางทางอากาศผ่านท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ศบค.ได้ผ่านคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศที่ยกเว้นการตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทางก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง

รวมถึงการลดวันกักตัวเหลือ 5 วันสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาในรูปแบบ Sandbox และ AQ ทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะยิ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จะมีการสรุปในสัปดาห์นี้อีกครั้ง

ทั้งนี้สอดคล้องกับในสังคมโซเชี่ยลที่มีการโพสต์ภาพบรรยากาศภายในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาจนแน่นพื้นที่

สำหรับมาตรการการจัดงานสงกรานต์ในปี 2565 สามารถขออนุญาตใช้พื้นที่จัดกิจกรรมตามวัฒนธรรมประเพณีสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว การละเล่นตามประเพณีได้ แต่ห้ามเล่นประแป้ง ปาร์ตี้โฟม ห้ามขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องมีจุดคัดกรองลงทะเบียน และควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ส่วนในพื้นที่สาธารณะห้ามมีการเล่นน้ำ ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม ขณะที่การจัดกิจกรรมในพื้นที่หมู่บ้านให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อนุญาต

ทั้งนี้มีการประเมินว่าจากการยกเลิกมาตรการตรวจ RT-PCR ในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวไทย รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมและผู้ประกอบการร้านอาหารจะได้รับอานิสงส์จากการเดินทางเข้าประเทศไทยที่สะดวกขึ้น

โดยบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวดีต่อธุรกิจร้านอาหารของทั้งบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาเป้าหมาย 44 บาท และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาเป้าหมาย 37 บาท

สำหรับหุ้นที่แนะนำคือ MINT และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาเป้าหมาย 73 บาท ที่อาจได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวในยุโรปและไทย โดย MINT มีรายได้ประมาณ 50% ของรายได้ปกติในยุโรป ในขณะที่ AOT น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยในครึ่งปีหลัง หลังโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น

อย่างไรก็ดีแม้ว่าประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ป่วยโควิดในระดับสูงและการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า (นักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 400,000 คนในไตรมาส 1/65) แต่คาดว่าการฟื้นตัวจะโดดเด่นในครึ่งหลังของปี 2565 โดยเฉพาะหลังจากปรับโควิดให้เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวของยุโรปได้ฟื้นตัวผ่านระดับก่อนโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อนแล้ว ตามข้อมูลของ booking.com จากอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงและความต้องการที่อั้นมานาน

ทั้งนี้ จากการฉีดวัคซีนของไทยที่ช้ากว่ายุโรป 3-6 เดือน คาดว่าการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวแรงในช่วงไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน และยังสอดคล้องกับมุมมองของผู้ประกอบการโรงแรมไทยส่วนใหญ่ที่เราศึกษา ซึ่งคาดว่าอัตราการเข้าพักในไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 40-50% หรือประมาณครึ่งหนึ่งของระดับก่อนโควิด คิดเป็นนักท่องเที่ยวประมาณ 5-6 ล้านคนในไตรมาส 4/2565

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดว่าหุ้นจะได้รับ Sentiment เชิงบวกต่อประเด็นข้างต้นคือกลุ่มท่องเที่ยว โดยกลุ่มหุ้นโรงแรมที่ได้ประโยชน์มากสุด นำโดยบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ที่มีโครงสร้างรายได้จากโรงแรมไทย (อิงปี 2562) ราว 90% ตามด้วย CENTEL ราว 34% (มัลดีฟส์ 7% และร้านอาหาร 59%)

ส่วน MINT แม้รายได้มาจาก NH Hotel ราว 50% ของรายได้รวมปี 2562 (ร้านอาหารคิดเป็นสัดส่วน 18% ของรายได้ปี 2562) แต่คาดช่วยผลักดันการฟื้นตัวของ MINT ฟื้นตัวเร็วขึ้นเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวของ NH Hotel ที่มีพัฒนาการเชิงบวกตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2564

อีกทั้งคงให้น้ำหนัก “เท่าตลาด” สำหรับกลุ่มฯ เลือก CENTEL ราคาเป้าหมาย 44 บาท จากงบดุลแกร่งและพอร์ตโรงแรมกระจายตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร ตามด้วย MINT ราคาเป้าหมาย 36 บาท เพราะการฟื้นตัวในยุโรป ( EU) คาดหมายว่ากลับมามีกำไรเร็วสุดในกลุ่มฯ  และ ERW ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท

นอกจากนี้หุ้นดังกล่าวราคายัง Laggard โดยฉพาะ CENTEL และ MINT ด้านธุรกิจร้านอาหารอย่างบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ราคาเป้าหมาย 63 บาท รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่อเนื่องถึงสาขาในจังหวัดท่องเที่ยว และหากจีนเริ่มกลับมา บวกต่อร้านอาหารแหลมเจริญฯ (สัดส่วน 5% ของรายได้ M ปี 2562)

ทั้งนี้การยกเลิกตรวจ RT-PCR Test ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 นั้นทำให้เห็นภาพบรรยากาศการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง จึงเป็นที่น่าจับตาว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2565 นักท่องเที่ยวจะกลับมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจากการผ่อนผันการยกเลิกตรวจ RT-PCR Test การลดจำนวนวันกักตัว ซึ่งจะสร้างความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการปรับลดพื้นที่เสี่ยง “สีส้ม” และผ่อนผันการดื่มสุราในร้านอาหารได้ถึง 23.00 น. ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างคึกคัก

X
Back to top button