“ดาวโจนส์” ปิดลบ 113 จุด หลัง “บอนด์ยีลด์” พุ่งกดดัน นลท.ยังวิตกเงินเฟ้อ-ดบ.ขาขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 113.36 จุด หลัง “บอนด์ยีลด์” ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น และงบบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาไร้ทิศทาง


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง และนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาไร้ทิศทาง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,451.23 จุด ลดลง 113.36 จุด หรือ -0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,392.59 จุด ลดลง 54.00 จุด หรือ -1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,351.08 จุด ลดลง 292.51 จุด หรือ -2.14%

โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.8%, ดัชนี S&P500 ลดลง 2.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.6%

ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์นี้ เนื่องในวัน Good Friday

ขณะที่หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการสื่อสาร ร่วงลง 2.45% และ 1.82% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

ด้านนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.827% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีพุ่งแตะ 2.9%

ดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มการเงิน ปรับตัวลง 1.0% หลังธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของสหรัฐรายงานผลกำไรลดลงอย่างมาก ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวไร้ทิศทาง โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปบวก 1.6% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วง 4.5%

ทั้งนี้ตลาดถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนมี.ค. โดยพุ่งขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2554 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้น 2.3% ในเดือนมี.ค.

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 12.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554 หลังจากเพิ่มขึ้น 11.3% ในเดือนก.พ.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือนมี.ค.

หุ้นทวิตเตอร์ปิดตลาดร่วงลง 1.7% หลังปรับตัวขึ้นเกือบทั้งวันจากรายงานข่าวที่ว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานบริษัทเทสลา อิงค์ได้เสนอซื้อหุ้นทวิตเตอร์ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ นักลงทุนจะยังคงจับตาบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก โดยมีบริษัท 34 แห่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว

Back to top button