“โกลเบล็ก” มองกรอบดัชนี 1,650-1,700 จุด แนะสอย 3 หุ้นเด่นรับ “เปิดเมือง” 1 มิ.ย.นี้

“บล.โกลเบล็ก” ประเมินหุ้นไทย Sideway กรอบ 1,650-1,700 จุด นักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แนะกลยุทธ์ลงทุนใน 3 หุ้นรับอานิสงส์เปิดประเทศ 1 มิ.ย. นี้ ชู AOT-ERW-CENTEL เด่น


นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่ายังแกว่งผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,650-1,700 จุด

ขณะที่ปัจจัยกดดันการลงทุนยังคงมีต่อเนื่อง อาทิ สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% จากปีก่อนในเดือนมี.ค. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 8.4% จากปีก่อน ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อนในเดือนมี.ค. พุ่งทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เริ่มจัดทำดัชนีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อน กดดันให้ FED เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและทยอยสั่งล็อกดาวน์ในหลายเมืองส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจต่อเนื่อง แม้ว่าจีนจะรายงาน GDP ไตรมาส 1/2656 ขยายตัว 4.8% จากปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.4% จากปีก่อน ขณะที่หลายสำนักวิจัยทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 ของจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางธนาคารกลางจีนประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรม บริษัท และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้านปัจจัยในประเทศทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดกรอบการขยายตัวของ GDP ปี 2565 เหลือ 3-4% จากเดิม 3.5-4.5% ค่ากลาง 4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นราคา และการสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

ทั้งนี้ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ  กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า การรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 1/2565 ในสัปดาห์นี้  และการประชุมศบค.ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังสงกรานต์ เตรียมรับมือเปิดเทอม และปรับแผนเข้าออกประเทศ

ด้านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และปัจจัยต่างประเทศ ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR อียูรายงานดุลการค้าเดือนก.พ. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. สหรัฐรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 21 เม.ย.)  อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการ สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ศบค.เตรียมประชุมเพื่อหารือการปลดล็อคมาตรการเข้าประเทศทุกเงื่อนไข 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมทั้งเลิก ThailandPass, Test&Go ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาคึกคักได้ ซึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกดังกล่าวได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ยังคงต้องจับตามุมมองของเจมส์ บูลลาร์ด ที่ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น อีกทั้งช่วงปลายสัปดาห์มีคำแถลงของประธานเฟดจึงทำให้ราคาทองคำอาจผันผวนได้ เพราะตลาดรับข่าวเงินเฟ้อไปแล้วและคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดพีคไปแล้ว การแสดงความคิดเห็นของเหล่าคณะกรรมการเฟด อาจจะกดดันราคาทองคำตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้อาจมีการย่อตัวลงได้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงที่ระดับ 2.86% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 100 สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มที่เฟดจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมีมากขึ้น เมื่อเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้ว การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอาจกดดันราคาทองคำ หากราคาปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,000-2,015$/oz แล้วไม่ผ่าน แนะนำทยอยเทขายทำกำไร

Back to top button