“ดาวโจนส์” ปิดบวก 67 จุด นลท.เข้าซื้อหุ้น “พลังงาน-แบงก์” ก่อนรู้ผลประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 67.29 จุด นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ก่อนเฟดแถลงมติการประชุมในวันช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (3 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,128.79 จุด เพิ่มขึ้น 67.29 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.48 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,563.76 จุด เพิ่มขึ้น 27.74 จุด หรือ +0.22%

สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงผันผวน โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงในช่วงแรก ก่อนที่จะปิดตลาดดีดตัวขึ้นเนื่องจากแรงช้อนซื้อ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในเวลา 01.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ค.ตามเวลาไทย ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะจัดการแถลงข่าวในเวลา 01.30 น.ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2543 ที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกับปรับลดขนาดงบดุล (QuantitativeTightening : QT) ในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ หลังจากเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

โดยหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.9% ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.76% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.12% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 2%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 1.3% นำโดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.83% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.14% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 1.37% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.74% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ปรับตัวขึ้น 1.12%

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.97% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.62 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.47 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากรายได้ในการจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์ และยอดขายยาแพกซ์โลวิดจำนวน 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสดังกล่าว

หุ้นพาราเมาท์ โกลบอล ร่วงลง 1.29% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 7.33 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.38 พันล้านดอลลาร์

ส่วนหุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.8% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2565 เนื่องจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในจีนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.5%

Back to top button