ขึ้นโรงพักรายวัน! “ปริญญ์” รับทราบข้อหา “อนาจาร” สน.ลุมพินี

ปริญญ์ พานิชภักดิ์ เข้ารับทราบข้อหาต่อเนื่อง หลังผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความว่าถูกกระทำอนาจาร โดยวันนี้เข้าพบตำรวจ สน.ลุมพินี หลังหญิงวัย 26 ปี เข้าแจ้งความหลังถูกทำ “อนาจาร” ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง


นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น โดยกระทำต่อหน้าธารกำนัล”

โดยนายปริญญ์ พยายามเลี่ยงสื่อมวลชนและเข้าพบพนักงานสอบสวนที่บริเวณชั้น 2 โดยไม่ให้สัมภาษณ์ในทันที ก่อนที่ทนายความของนายปริญญ์จะตามมาภายหลัง พร้อมกล่าวสั้นๆว่า “วันนี้มารับทราบข้อหา 1 คดี”

ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลด้านกฎหมายและคดี เดินทางมาร่วมสอบปากคำนายปริญญ์ โดยคดีนี้นายปริญญ์ถูกแจ้งข้อหา กระทำอนาจาร หญิงสาว อายุ 26 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ลุมพินี ในวันเดียวกัน

พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งมีการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นแล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา และผู้เสียหายได้ชี้ภาพจุดเกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคดีนี้ เป็นคดีที่ 4 ของ สน.ลุมพินี เป็นคดีที่ 5 ของพื้นที่นครบาล หากรวมคดีที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เพชรบุรี จะเป็นคดีที่ 7 ส่วนคดีที่เหลือต้องรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะบางคดีเกิดเหตุมานานแล้ว ทำให้เหยื่อจำวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ตำรวจต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหาและเหยื่อได้มาพบกันจริง

ส่วนกรณีมีแชตหลุดนั้นพล.ต.ต.ไตรรงค์ ระบุว่า หากนายปริญญ์ จะนำมาเป็นข้อหักล้างทางคดีก็สามารถกระทำได้ โดยนำหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ต้องหาและทนายความทราบแล้ว แต่ยังไม่มีทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา ให้ข้อมูลส่วนนี้มา ซึ่งได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบแล้ว

ต่อมาพนักงานสอบสวนควบคุมตัว นายปริญญ์ ออกจาก สน.ลุมพินี โดยนำตัวขึ้นรถตู้ตำรวจ สน.ลุมพินี เพื่อไปฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยนายปริญญ์มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด

Back to top button