STOWER รับรู้รายได้ธุรกิจ “เทเลคอม” ฟิลิปปินส์ Q2 มั่นใจหนุนงบปี 65 “เทิร์นอะราวด์”

STOWER ส่งซิกปี 65 เทิร์นอะราวด์ เดินหน้าธุรกิจเทเลคอมฟิลิปปินส์เต็มรูปแบบ ทยอยรับรู้รายได้ไตรมาส 2/65 ประมาณ 100 ลบ. พร้อมโชว์ความคืบหน้าเริ่มก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่าชุดแรก และรับออเดอร์ล่วงหน้าชุดแรก 60 สถานี


นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจของบริษัทในปี 2565 ถือเป็นปีที่ STOWER รุกเข้าสู่ธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งเป็นโอกาสการเทิร์นอะราวด์ จากเดิมที่มีรายได้หลักอยู่ในประเทศ โดยปี 2565 จะเป็นปีแรกที่รายได้หลักของบริษัทจะมาจากธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศ

โดยรายได้ส่วนแรกจาก บริษัท QNSI ซึ่งทำธุรกิจให้บริการติดตั้งและทดสอบระบบส่งสัญญาณสื่อสารบนเสาโทรคมนาคมในประเทศฟิลิปปินส์ จะมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี และมี Backlog แล้วทั้งปี โดย STOWER เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 และจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสประมาณ 100 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2565

ส่วนธุรกิจให้เช่าเสาโทรคมนาคมนั้น  STOWER จะใช้เงินลงทุนในปี 2565 รวมประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับ 240 สถานี ซึ่งปัจจุบันได้ส่งเสาเทเลคอมชุดแรกไปถึงฟิลิปปินส์แล้ว 20 สถานี และกลางเดือนนี้จะส่งเสาเพิ่มไปอีก 40 สถานี เพื่อติดตั้งและเริ่มทยอยส่งมอบสถานีโทรคมนาคมให้เช่าประมาณเดือนกรกฎาคม 2565 และจะสามารถรับรู้รายได้จากค่าเช่าได้ทันที  ส่วนที่เหลือจะได้รับแจ้งพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการเช่าประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 ให้เป็นไปตามแผน

สำหรับธุรกิจสถานีโทรคมนาคมให้เช่าได้ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย SkyTowers Infra Inc. ประเทศฟิลิปปินส์  ซึ่งมีสัญญาให้เช่าระยะยาว 20 ปี กับ Globe Telecom Inc. บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ของประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเช่าพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณบนเสาโทรคมนาคม พร้อมเงื่อนไขการปรับขึ้นค่าเช่าทุกปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีตลอดระยะเวลาสัญญา และมีอัตราผลตอบแทนของโครงการ (Project IRR) ประมาณ 15% และอัตราผลตอบแทนในส่วนทุน (Equity IRR) ประมาณ 25%

ทั้งนี้ บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากผู้เช่ารายที่ 2 (Second Tenant) บนเสาโทรคมนาคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่ม ข้อดีของโมเดลธุรกิจดังกล่าว เกิดจากนโยบายของรัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ที่ให้บริษัทที่ได้รับใบอนุญาต (License) เป็นผู้เจ้าของสถานีและให้เช่าเสาโทรคมนาคมร่วม (Common Tower)

โดยล่าสุด บริษัท SkyTowers Infra Inc. ได้รับการอนุมัติสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประเทศฟิลิปปินส์ ในโครงการลงทุนก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่า โดยจะได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลไปจนถึงปี  2570  และ 5 ปีหลังจากนั้นจะเสียภาษีเพียง 5%  รวมทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านอื่นๆ อีกเช่นการยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ

ส่วนความร่วมมือกับ บริษัท  T3 Technology ที่บริษัทลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ Broadband Internet รวมทั้งผลิตภัณฑ์ IoT ให้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และผู้ใช้งานในประเทศฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าในไตรมาส 4/2565 จะเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา

ขณะที่ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในประเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGAT จะมีการงานประมูลของภาครัฐที่มูลค่าเฉพาะเสาส่งประมาณ 4 พันล้านบาท ในปี 2565 โดย STOWER เป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ได้รับการรับรองจาก EGAT คาดว่ามีโอกาสได้รับงานประมาณ 20-25%

“โดยปีนี้ STOWER  มีโอกาสเทิร์นอะราวน์ ส่วนจะมีกำไรมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการลงทุนก่อสร้างสถานีเสาโทรคมนาคมให้เช่าว่าจะได้ตามเป้าหมาย 240 สถานีหรือไม่ ถ้าการเพิ่มทุนประสบผลสำเร็จและได้รับเงินเพิ่มทุนเข้ามามากเพียงพอตามแผนงานที่วางไว้ ก็จะทำให้สามารถสร้างผลกำไรจากรายได้ค่าเช่าได้มากยิ่งขึ้น  ซึ่งผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ำมาก เนื่องจากทุกสถานีที่ลงทุนจะมีสัญญาเช่าก่อนแล้ว และได้รับค่าเช่าล่วงหน้าทันทีเมื่อส่งมอบ ซึ่งแต่ละสถานีจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 4 เดือน” นายธีรชัย กล่าว

Back to top button