“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก ขานรับ “เฟด” ขึ้นดบ. 0.75% ตามคาด สกัดเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดขยับขึ้นตามดาวโจนส์ หลังเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด สูงสุดในรอบ 28 ปี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดขยับขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (15 มิ.ย.2565) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,715.52 จุด พุ่งขึ้น 389.36 จุด หรือ +1.48%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,515.64 จุด เพิ่มขึ้น 207.43 จุด หรือ +0.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,306.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด หรือ +0.04%

โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537

ใจความตอนหนึ่งของแถลงการณ์เฟดระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ในระยะยาว ขณะที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแถลงข่าวหลังการประชุมว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% หรือ 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. แต่เขาไม่ได้หมายความว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% จะกลายเป็นเรื่องปกติ

สำหรับถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลนับเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนหน้าเช่นเดียวกับในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด เนื่องจากที่ผ่านมานั้นนักลงทุนได้เรียกร้องให้นายพาวเวลใช้มาตรการที่จริงจังในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยแถลงการณ์ของนายพาวเวลเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นหลังการประชุมเฟด

ทั้งนี้ นักลงทุนยังติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของภูมิภาคที่จะรายงานวันนี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและราคาส่งออกของเกาหลีใต้, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าของญี่ปุ่น, อัตราว่างงานของออสเตรเลีย และดัชนีราคาบ้านของจีน

Back to top button