เฟ้น 3 หุ้น โบรกชู “ท็อปพิก” คาดกำไรไตรมาส 2 เด่น

CPF-OSP-TRUE ตัวเลือกลงทุนช่วงตลาดขาลง โบรกฯยกให้ท็อปพิก มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไรไตรมาส 2/65 เติบโตแข็งแกร่ง


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ความกังวลในเชิงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น โดยในต่างประเทศเป็นเรื่องโอกาสการเกิด Recession ที่มีสูงขึ้นเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจและ Inverted Yield Curve ที่เกิดขึ้นเป็นรอบที่ 3 กรณีดังกล่าว กดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรง

ขณะที่เดียวกันในประเทศไทยประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.65 ที่ระดับ 7.66% ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยได้คาดไว้ และหากพิจารณาแนวโน้มเชื่อว่ายังน่าจะปรับสูงขึ้นโดยอาจแตะระดับ 10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนได้ในช่วงเดือน ส.ค.65 ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงดังกล่าวประกอบกับการที่ กนง. ยังไม่มีการประชุมเพื่อ พิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงวันที่ 10 ส.ค.65 ทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนแตะ 36 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ Fund Flow ไหลออก อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามมากขึ้น คือการกลับมาเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ Covid-19

สำหรับแรงกดดันจากปัจจัยลบที่หลากหลายทำให้ SET Index น่าจะปรับฐานต่อกรอบ 1515 – 1545 จุด

อย่างไรก้ดีเมื่อแนวโน้มตลาดหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาลงจากแรงกดดันทั้งจากต่างประเทศและในประเทศทางบล.เอเซีย พลัส คัดหุ้น Top Pick เลือก CPF, OSP และ TRUE มาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจลงทุน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ในส่วนของธุรกิจหลักจะฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/65  เนื่องจากราคาไก่และหมูในไทยยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในงวดไตรมาส 2 ปี 65 สอดคล้องกับทิศทางราคาหมูในจีนและเวียดนามที่ฟื้นตัวเช่นกัน ถือเป็นผลบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 ปี 65 ของ CPF ให้ฟื้นตัวชัดเจนจากงวดไตรมาส 1 ปี 65

นอกจากนี้คาดกำไรสุทธิปี 65 จะฟื้นตัว 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาที่ 1.5 หมื่นล้านบาท จากแนวโน้มธุรกิจสุกรในไทยฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปัญหาสุกรขาดแคลนหนุนราคาไก่และสุกรในไทยปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนราคาหุ้น CPF มี PBV ปี 65 เพียง 1 เท่า ยัง Laggard เมื่อเทียบกับ GFPT และ TFG ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จึงยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท รับแนวโน้มธุรกิจฟื้นในปี 65

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP  รับ Sentiment บวกจากกระแส Commodities เริ่มเปลี่ยนทิศ ช่วยให้ราคาวัตถุดิบเช่น ขวดแก้ว ต่ำลง ประกอบกับการออก M-150 ตัวใหม่ที่ราคา 12 บาท เดิม 10 บาท จะเป็นปัจจัยหนุน Gross margin ฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังปี 65

ขณะที่การเปิดประเทศและการต่อมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประเมินปัจจัยหนุนกำลังซื้อในประเทศ ยามสภาวะเงินเฟ้อ บวกต่อสินค้าของ OSP ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในประเทศ

สถานะการเงินบวก Net Cash ราว 3 พันล้านบาท คาดช่วยบริษัทฯสามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลราว 3.3% รวมทั้งต่อยอดการเติบโตผ่าน M&A อย่างไรก็ตามแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำหลังการควบรวม โดยขั้นตอนนำไปสู่การควบรวมกับ DTAC ดำเนินต่อไป ล่าสุดขั้นตอนการขอความยินยอมจากเจ้าหนี้เสร็จสิ้นแล้วเหลือแต่ขั้นตอนการพิจารณาจากหน่อวยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ กสทช. ซึ่งแม้ว่าจะเลื่อนไปจากกำหนดเดิมที่จะสรุปได้ภายใน ก.ค. 65 นี้ แต่ก็น่าจะมีข้อสรุปได้ในเดือน ส.ค. 65 โดยเชื่อว่าการควบรวมกับ DTAC จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อน และนำไปสู่ฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น

ขณะเดียวกันระยะสั้นมีปัจจัยบวกที่เกี่ยวข้อง คือ 1.การควบรวมของเซลคอม บริษัทในกลุ่มเอเชียต้า และดิจิ (บริษัทในเครือเทเลนอร์เช่นเดียวกับ DTAC) 2.ผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 65 มีแนวโน้มดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะคาดจะบันทึกกำไรพิเศษราว 1.2 พันล้านบาท ถึง 1.3 พันล้านบาท จากการขายเงินลงทุนใน DIF ออกมาบางส่วน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท

Back to top button