“ฟอร์บส์” จัดอันดับอภิมหาเศรษฐีไทยปี 65 “เจ้าสัวสารัชถ์” มาแรงขึ้นชั้นอันดับ 4

"ฟอร์บส์" จัดอันดับอภิมหาเศรษฐีไทยปี 65 "เจ้าสัวสารัชถ์" มาแรงขึ้นชั้นอันดับ 4 มูลค่าทรัพย์สิน 3.78 แสนล้านบาท จากก่อนหน้านี้ปี 64 อยู่อันดับ 5 มีมูลค่าทรัพย์สิน 2.79 แสนล้านบาท ขณะที่ "พี่น้องเจียรวนนท์-เฉลิม อยู่วิทยา-เจริญ สิริวัฒนภักดี" ยังคงอันดับเดิม


ฟอร์บส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแกนหลักทางเศรษฐกิจของประเทศ ได้รับการผ่อนคลายกฏระเบียบพร้อมเดินหน้าเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง ใน 5 เดือนแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศเป็นจำนวน 1.3 ล้านคน คิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 40 ล้านคนต่อปี ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซา ดัชนีหุ้นไทยปรับลดจากจากจุดสูงสุดลง 3 เปอร์เซ็นต์ และตั้งแต่จากการอันดับมหาเศรษฐีไทยครั้งล่าสุด อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อหน่วยดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ ส่งให้มูลค่ารวมทรัพย์สินของมหาเศรษฐีไทยทั้ง 50 รายชื่อ ลดลงเกือบ 6 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 1.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 5.31 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับการจัดอันดับปีที่ผ่านมา

สำหรับมหาเศรษฐีไทย 3 อันดับแรกยังไม่มีการเปลี่ยนอันดับจากปีที่ผ่านมา มหาเศรษฐีอันดับที่หนึ่งยังคงเป็น “พี่น้องเจียรวนนท์” แม้มูลค่าทรัพย์สินรวมของพวกเขาลดลง 3.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งมาจากอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ ส่งผลทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศจากการจัดอันดับ

โดย Forbes อยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านเหรียญ (9.33 แสนล้านบาท) ความเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มบริษัทในเครือซีพีคือดีลการควบรวม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ​DTAC ที่ยังคงรอคอยการอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช.

ทั้งนี้ จากยอดขายของเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่เติบโตจากทั่วโลกทำให้มูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีอันดับสอง เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เพิ่มขึ้นอีก 1.9 พันล้านเหรียญ มูลค่าทรัพย์สินในการจัดอันดับประจำปีนี้อยู่ที่ 2.64 หมื่นล้านเหรียญ (9.30 แสนล้านบาท) ใกล้เคียงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งยิ่งนัก ขณะที่มหาเศรษฐีไทยอันดับที่สาม ได้แก่ เจริญ สิริวัฒนภักดี โดยมูลค่าทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านเหรียญ (3.94 แสนล้านบาท)

โดยการจัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี 2565 มีเพียงมหาเศรษฐีไทยเพียง 10 รายที่มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นซึ่งหนึ่งนั้นคือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีด้านธุรกิจพลังงาน และจากอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้เขาติดในรายชื่ออันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.1 หมื่นล้านเหรียญ (3.87 แสนล้านบาท) นอกจากธุรกิจพลังงานแล้วเขายังเดินหน้าขยายความร่วมมือทางธุรกิจนำ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ AIS และ Sintel เตรียมจัดตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศ

โดยจากก่อนหน้านี้ในปี 2564 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี อยู่อันดับที่ 5 ของเศรษฐีไทย ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 2.79 แสนล้านบาท

สำหรับมหาเศรษฐีหน้าใหม่ 3 รายในปีนี้ ได้แก่ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกลุ่มเจ มาร์ท ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 37 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 835 ล้านเหรียญ (2.94 พันล้านบาท) อันเนื่องจากมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่มูลค่าหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นของ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 หนึ่งในผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จาก Apple รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ส่งให้ นายสุระ คณิตทวีกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง COM7 ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 49 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 670 ล้านเหรียญ (2.36 พันล้านบาท) สำหรับมหาเศรษฐีอีกรายคือ พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ผู้ร่วมก่อตั้งคลินิกเสริมความงามพงศ์ศักดิ์และยังเป็นนักลงทุนสาย (Value Investor) หรือ VI ติดในอันดับที่ 50 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 655 ล้านเหรียญ (2.3 พันล้านบาท) ซึ่งหนึ่งในพอร์ตหุ้นที่เขาถือครองมีหุ้นของกลุ่ม COM7 อยู่ส่วนหนึ่ง

สำหรับมหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่อันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 มีจำนวน 3 รายได้แก่ กัลกุล ดำรงค์ปิยวุฒิ์ ผู้ก่อตั้ง บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งห่างหายจากการเป็นหนึ่งในห้าสิบรายชื่อเป็นเวลา 4 ปี โดยบริษัทด้านพลังงานแห่งนี้ได้เดินทางสู่ธุรกิจใหม่ด้านกัญชา-กัญชง ขณะที่ อีกสองมหาเศรษฐีไทยที่กลับเข้าสู่อันดับได้แก่ บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ DTAC และ พิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นนอล

โดยการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2665 ในปีนี้ ขีดเส้นมูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดของผู้ที่ติดในการจัดอันดับมหาเศรษฐีทั้ง 50 คนที่ 655 ล้านเหรียญ ลงลงจากปีที่ผ่านมาที่ขีดเส้นไว้ที่ 737 ล้านเหรียญ และในการจัดอันดับประจำปีนี้มีมหาเศรษฐีไทยที่หลุดจากอันดับจำนวน 6 รายหนึ่งในนั้นคือ สมหวัง และ ไวยวุฒิ สินเจริญกุล แห่งกลุ่มศรีตรังแอโกรอินดัสทรีฯ ซึ่งหนึ่งกลุ่มบริษัทของพวกเขาที่ผลิตถุงมือยางได้รับผลกระทบเนื่องอันเนื่องจากความต้องการของถุงมือยางลดลงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 17 มิถุนายน 2565 โดย 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 มีรายชื่อดังต่อไปนี้

10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565

อันดับ 1 พี่น้องเจียรวนนท์

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.65 หมื่นล้านเหรียญ / 9.33 แสนล้านบาท

อันดับ 2 เฉลิม อยู่วิทยาและครอบครัว

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.64 หมื่นล้านเหรียญ / 9.30 แสนล้านบาท

อันดับ 3 เจริญ สิริวัฒนภักดี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.12 หมื่นล้านเหรียญ / 3.94 แสนล้านบาท

อันดับ 4 สารัชถ์ รัตนาวะดี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.1 หมื่นล้านเหรียญ / 3.87 แสนล้านบาท

อันดับ 5 ครอบครัวจิราธิวัฒน์

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.06 หมื่นล้านเหรียญ / 3.73 แสนล้านบาท

อันดับ 6 สมโภช อาหุนัย และครอบครัว

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.9 พันล้านเหรียญ / 1.37 แสนล้านบาท

อันดับ 7 ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.1 พันล้านเหรียญ / 1.09 แสนล้านบาท

อันดับ 8 วานิช ไชยวรรณ

มูลค่าทรัพย์สิน: 3 พันล้านเหรียญ / 1.05 แสนล้านบาท

อันดับ 9 ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.8 พันล้านเหรียญ / 9.86 หมื่นล้านบาท

อันดับ 10 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.7 พันล้านเหรียญ / 9.51 หมื่นล้านบาท

Back to top button