“ฟินันเซีย” จัดกลยุทธ์ลงทุนส.ค. ดักเก็บ 5 หุ้นเด่นกำไรโตแกร่ง

“ฟินันเซีย” จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนส.ค.65 เก็งกำไร “บจ.” ประกาศงบสวย ติดตามกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยสอบใหม่ 0.25% แนะดักเก็บ 5 หุ้นเด่น BBL-ILINK-NSL-SAPPE-SC กำไรโตแกร่ง รับเปิดเมือง เศรษฐกิจฟื้นตัว ท่องเที่ยวบูม!


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ระบุในบทวิเคราะห์ ( 3 สิงหาคม 2565) ว่าภาพรวมการลงทุนเริ่มผ่อนคลายขึ้นช่วงระยะสั้นหลังปรับฐานแรงก่อนหน้า โดยประเมิน SET Index คงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up รีบาวด์ระยะสั้นโดยให้กรอบดัชนี 1,520-1,600 จุด หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด และยังต้องติดตามกนง.คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนสิงหาคม

รวมถึงอีกหนึ่งปัจจัยหลักในเดือนสิงหาคม คือการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 2/2565 ซึ่งคาดว่าฟื้นตัวตามการ Reopen ยังคงมองหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในประเทศจะ Outperform โดยเฉพาะตัวที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/2565 โดดเด่น ซึ่งกลยุทธ์แนะนำถือลงทุนหลังสะสมเพิ่มช่วงพักฐานเดือนก่อน ยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Value Play ที่ราคายัง Laggard และ Valuation ต่ำเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด

สำหรับหุ้นเด่นเดือนสิงหาคม ได้แก่ BBL, ILINK, NSL, SAPPE, และ SC

ทั้งนี้เลือก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เป็นหนึ่งในหุ้นเด่น คงราคาเป้าหมายที่ 170 บาท เนื่องจาก BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 7 พันล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2565 คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565 ของทางฝ่ายวิจัย

ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรครึ่งหลังปี 2565 จะโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบจากครึ่งแรกปี 2565 โดยคาดว่า BBL จะจัดสรรสำรองลดลง นอกจากนี้คิดว่า NIM น่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นในท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตสินเชื่อต่างประเทศของธนาคารฯ ในปี 2565 NIM น่าจะปรับขึ้น เนื่องจากคาดว่า BBL จะเป็นหนึ่งในธนาคารแรกๆ ที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตในไทย ด้วยเหตุดังกล่าวจึงคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 จะปรับขึ้น 12% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ขณะที่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK คาดกำไรไตรมาส 2/2565 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะเป็น Low season และเติบโต 3.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยธุรกิจ Distribution ที่มีแนวโน้มสดใสตลอดทั้งปี และต้นทุนทองแดงที่ปรับสูงขึ้นถูกชดเชยได้จากการปรับขึ้นราคาเพื่อรักษามาร์จิ้น โดยแนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังปี 2565 ตามฤดูกาล ขณะที่โครงการขนาดใหญ่คืองานก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า คาดรู้ผลไม่เกินไตรมาส 3/2565 และรับรู้รายได้ทันในไตรมาส 4/2565 ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท

ด้าน บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL คาดกำไรไตรมาส 2/2565 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากรายได้ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งจาก Reopen, เปิดเรียน และนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ถึงแม้เผชิญต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นทั้งเนื้อสัตว์, น้ำมันปาล์ม และแป้งสาลี แต่มีการปรับขึ้นราคาตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 ในบาง SKUs ที่ถูกผลกระทบ

โดยล่าสุดแนวโน้มเดือนกรกฎาคม ยังสดใสต่อจากช่วงวันหยุดยาว ทั้งนี้มองว่ากำไรไตรมาส 3/2565 จะอ่อนลงจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาล แต่จะโตสูงมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานต่ำกว่าและคาดกำไรจะกลับมาเร่งขึ้นในไตรมาส 4/2565 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ด้วยแนวโน้มรายได้และต้นทุนดูดีกว่าสมมติฐาน จึงเริ่มเห็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2565 ราว 5-8% จากคาดกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 248 ล้านบาท เติบโต 30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดปี 2566 โตต่อเนื่อง 15.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 21 บาท

ส่วน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE คาดกำไรปี 2565 เติบโต 39.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และประเมินกำไรปี 2566-2568 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 18% หลังแนวโน้มผลงานครึ่งแรกปี 2565 น่าประทับใจมีลุ้นทำนิวไฮ และผู้บริหารปรับเป้าหมายเพิ่มสำหรับการเติบโตรายได้ 5 ปี อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 22% โดยเฉพาะตลาดใหม่อย่างอินเดียที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งถัดไป คาดว่าสัดส่วนรายได้ส่งออกรวมปี 2568 จะขยับขึ้นเป็น 70% จากเดิม 65% ซึ่งปัจจุบันนั้นจะใช้กำลังการผลิตเต็มกำลังในปี 2567 เนื่องจากจะเห็นการขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในปี 2566 ดังนั้นในช่วงปี 2566-2567 คาดว่าจะได้ผลบวกจาก Economies of Scale สูงสุดระยะสั้น

อย่างไรก็ดียังคงประเมินกำไรไตรมาส 2/2565 ถึงไตรมาส 3/2565 ลุ้นทำนิวไฮจากการส่งออกที่ยังโตแข็งแกร่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า เพื่อช่วยหักล้างต้นทุนที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่จะเด่นกว่ากลุ่มในช่วง 3 ปีนี้ ยังชอบฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ยืม โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” SAPPE ราคาเป้าหมาย 43 บาท

นอกจากนี้ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC คาดว่ายอด Presales ไตรมาส 2/2565 เติบโต 27% จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 6.7 พันล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ ผลักดันให้กำไรไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 570 ล้านบาท เติบโต 47% จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากความสำเร็จของการเน้นขายและโอนแนวราบระดับบน ประกอบกับกับคอนโดที่ฟื้นตัว

ขณะที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง 2565 จะเร่งปรับตัวขึ้นต่อจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในทุกไตรมาส ยังคงประมาณการกำไรปี 2565 เติบโต 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะทำนิวไฮอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ปัจจุบันซื้อขายบนค่า PE เพียง 6 เท่า และจ่ายปันผลสูงราว 7% ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท

Back to top button