“เครดิตสวิส” ชิงเพิ่มน้ำหนัก-อัพเป้า BH หลังราคาร่วงลึกเช้านี้

“เครดิตสวิส” ชิงเพิ่มน้ำหนักลงทุน BH มากกว่าตลาด อัพเป้าใหม่ 236 บาท หลังราคาร่วงลึกต่ำสุด 180.50 บาท ฟากโบรก "เอเอสแอล-ยูโอบี" มองราคาอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสม-พื้นฐานแกร่ง มั่นใจครึ่งปีหลังกำไรโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้าไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 ส.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ปิดตลาดที่ระดับ 18.50 บาท  ลบ 7.00 บาท หรือลดลง 3.62% สูงสุดที่ระดับ 187.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 180.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.90 หมื่นล้านบาท หลังจากมีบิ๊กล็อตจำนวน 72 รายการ ด้วยปริมาณหุ้น 66.89 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.19 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 178 บาท

ขณะที่การซื้อขายในช่วงภาคเช้าวันนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปต่ำสุดที่ระดับ 180.50 บาท หลังจากมีรายงานกระดานซื้อขายรายใหญ่(บิ๊กล็อต) ออมาจำนวน 72 รายการ ด้วยปริมาณหุ้น 66.89 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.19 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 178 บาท

ด้านนายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคา BH ปรับตัวลงไปมาก เนื่องจากเช่านี้มีรายการบิ๊กล็อต ขายหุ้น BH จำนวน 66.89 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8% ราคาขายเฉลี่ยหุ้นละ 178 บาท รวมเป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่านายสาธิต วิทยากร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BH เป็นผู้ทำบิ๊กล็อต

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 นายสาธิตได้ทำบิ๊กล็อตขายหุ้น BH ไปแล้วจำนวน 71.91 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 151.5 บาท จากเดิมเมื่อวันที่ 14 มี.ค.65 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 17.64% หรือ จำนวนหุ้น 140.19 ล้านหุ้น

สอดคล้องไปในทิศทางจากแหล่งข่าวโบรกเกอร์ ระบุว่า ราคาหุ้น BH ลงแรง จากรายการ Big lot จำนวน 66.70 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 178 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในกระดาน จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า Big lot นี้อาจจะเป็นของ นายสาธิต วิทยากร ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ที่ได้เข้าลงทุน BH เมื่อปลายปี 63

โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นายสาธิต ได้ขาย Big lot หุ้น BH ออกไป 71.9 ล้านหุ้น ให้สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง และน่าจะทำการทยอยขายในส่วนที่เหลือออกมา ทั้งนี้คาดว่านายสาธิต น่าจะไม่เหลือหุ้นใน BH หรือเหลือน้อยมาก อย่างไรก็ตาม มองว่าพื้นฐาน BH ไม่เปลี่ยน

ทั้งนี้เดิมนายสาธิต เข้ามาลงทุน BH ตั้งใจเป็นนักลงทุน ซึ่งพอถึงจุดที่พอใจกับกำไร และต้องใช้เงินไปลงทุนธุรกิจเพิ่มเติม ซึ่ง PRINC อยู่ในช่วงลงทุน ซึ่งจากแผนของ PRINC มีแผนที่จะขยายโรงพยาบาลเป็น 20 แห่งภายในปี 2566 จากปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั้งหมด 13 แห่งใน 11 จังหวัด เท่ากับภายในเวลาปีกว่ามีแผนขยายการลงทุนโรงพยาบาลเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 แห่ง ถึงจะเป็นไปตามเป้าหมาย และถือเป็นเครือโรงพยาบาลที่เน้นกระจายการลงทุนไปเมืองรอง และถือว่าเติบโตเร็วที่สุด เป็นเครือโรงพยาบาลที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่ง

ส่วนนายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ประเมินว่า จากราคาหุ้น  BH ที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสเข้าสะสม เนื่องจากบริษัทสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และช่วยขยับเป้าราคา เช่นไตรมาส 1/65 ได้ 0.91 บาท ขณะที่ในไตรมาส 2/65 ได้ 1.47 บาท ซึ่งรวม 2 ไตรมาสได้ 2.38 บาท

โดยหากเริ่มจากไตรมาส 1/64 ได้ 0.11 บาท ขณะที่ไตรมาส 2/64 ได้ 0.27 บาท ทั้งหมดรวมกันแล้วได้ประมาณ 0.41 บาท ปีนี้ขึ้นมาจาก 0.41 บาท ขึ้นมา 2.38 บาท ขณะที่ไตรมาส 3/64 และไตรมาส 4/64 ได้ 0.37 บาท และ 0.78 บาท ได้ประมาณ 1 บาท หากเอาผลการดำเนินงานเดิม ก็จะบวกเป็น 3.38 บาท

นอกจากนี้ด้วย PE โดยส่วนใหญ่ หุ้นตัวนี้ เล่น PE ระหว่าง 50-70 เท่า ถ้า 50 เท่า 3.50 บ.คูณด้วย 50 เท่า ราคาจะอยู่ 176 บาท อันนั้นเป็นจุดรับของตัว BH แต่ถ้าเล่นด้วย PE ที่ 60 เท่า ราคา 211 บาท นั่นหมายถึงว่า earning mashare ใช้ของปีที่แล้ว ในแง่ของครึ่งปีหลัง แต่ถ้าพูดใหม่ ของปีนี้ไตรมาส 1/65 กับไตรมาส 2/65 รวมกันแล้วได้ประมาณ 2.38 บาท โดยไตรมาส 1/65 ได้ประมาณ 1 บาท และไตรมาส 2/65 ได้ 1.47 บาท รวมได้ 2.38 บาท

ส่วนคาดการณ์ไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 เอาไตรมาสละ 1 บาท อีก 2 บาท ก็จะได้ประมาณ 4.38 บาท ถ้าได้ 4.38 บาท แล้วเล่นด้วย PE อย่างเดิม ก็คือ 50-70 เท่า ถ้า 50 เท่า จาก 4.38 บาท ก็จะได้ราคาหุ้นอยู่ที่ 220 บาท ถ้า 55 เท่า ราคาหุ้นจะอยู่ที่ 250 บาท เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงการเคาะในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เกียรตินาคินคิดถูกที่ซื้อหุ้นตัวนี้ เป็นเพราะว่าเขาซื้อที่ระดับราคาร้อยกว่าบาท เขาได้พรีเมียมไปจนถึงระดับราคา 200-250 บาท อีกครึ่งปี คือ 2 ไตรมาส หมายถึงว่าเทรนด์ของอุตสาหกรรมนี้ ยังเป็นการปรับในทิศทางที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ BH ถือว่าเป็นหุ้นที่โดดเด่นมากกว่า BDMS ที่ PE ใกล้เคียงกัน ตัว PE ที่เล่น ณ ขณะนี้ของ BH เพียงแค่ประมาณ 50 เท่า เพราะฉะนั้นยังไปได้อีกไกล ถามว่าถ้าใครมีเงินเยอะจะเข้าซื้อหรือไม่ ราคาเกี่ยงหน่อย 180 บาท ลงมาถึงระดับ 175 บาท หรือ 160 บาท ถือว่าต่ำมากอยู่แล้ว โอกาสยากที่จะลงไปถึงขนาดนี้

โดยจากราคาหุ้นตั้งแต่เช้า ทุบกันยังไงก็ตาม จุด low ต่ำสุด ยังสามารถยืนคอนโทรลเหนือกว่าระดับ 180 บาทได้ เพราะฉะนั้นหมายถึงว่า มันถูกปัจจัยพื้นฐานบีบบังคับให้ระดับราคาเป้าหมายของตัว BH ไประดับราคา 200 บาท ดังนั้นระดับราคานี้เป็นราคาเป้าหมาย ณ ปลายปี ซึ่งถ้าถึงปลายปี earning mashare เขาบวกอีก 2 บาท จากระดับราคานี้ไปประมาณ 4-4.50 บาท ราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ขึ้นไป

ล่าสุดทางบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส ประเมินหุ้น BH โดยปรับเพิ่ม EPS ปี 2565-2566 ขึ้น 23-29% หลังประกาศงบไตรมาส 2/2565 ที่น่าพอใจ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 165 เป็น 236 บาท อัพเรตติ้งขึ้นจาก underperform เป็น outperform

เนื่องจากได้ประโยชน์จากรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว หลังจากได้ยกเลิกมาตรการโควิด นอกจากนั้นยังมีโมเมนตัมเชิงบวกที่จะได้ผู้ป่วยจาก medical tourism เพิ่มขึ้นอีกในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า

สำหรับรายได้จากผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นจาก 39% ในครึ่งแรกปี 2564 เป็น 47% ในครึ่งแรกปี 2565 สะท้อนให้เห็นว่า BH เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลอันดับต้นๆที่เป็นตัวเลือกสำหรับ medical tourists

ขณะที่เครดิต สวิส เชื่อว่าอำนาจในการกำหนดราคาของสินค้าของบริษัทผู้ผลิตจะช่วยเสริมรายได้อย่างมาก และลดแรงกดดันด้านการแข่งขันจาก Med Park ในช่วง 1.5-2 ปี โดยคาดกำไรปี 2565  อยู่ที่ 4.29 พันล้านบาท ปี 2566 อยู่ที่ 4.87 พันล้านบาท และปี 2567อยู่ที่ 5.15 พันล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 236 บาท โดยอิง P/E อยู่ที่ 38 เท่า ในไตรมาส 3/2566 เทียบกับค่าเฉลี่ย 34 เท่า อ้างอิงจาก ชการเติบโตรอบใหม่ ของอุตสาหกรรมผลักดันโดยการเติบโตของ medical tourism

Back to top button