FORTH ส่งซิก Q3 โตดี กางแผนส่งตู้ “เต่าบิน” ลุยเจาะตลาดอินโดฯ-มาเลย์-สิงคโปร์ปลายปีนี้

FORTH ส่งซิก Q3 โตดี กางแผนส่งตู้ "เต่าบิน" เจาะตลาดอินโดฯ-มาเลย์-สิงคโปร์ปลายปี 65 ก่อนลุยไปอังกฤษ พร้อมคงเป้า 3 ปี (65-67) กระจายทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ตู้


นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายในระยะ 2-3 ปีจากนี้ (65-67) จะมีตู้เต่าบินกระจายตัวให้บริการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ตู้ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจจะขยายตู้เต่าบินออกไปยังต่างประเทศ โดยจะเริ่มการทดลองตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในช่วงปลายปี 65 หรือไม่เกินต้นปี 66

สำหรับประเทศอังกฤษมองว่าจะเป็นตลาดต่อไปหลังจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ของตู้เต่าบินลงตัวแล้วธุรกิจตู้เต่าบินยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในบางวันที่ฝนตกจะกระทบให้ยอดขายชะลอตัวลงไปบ้าง แต่โดยรวม 7 เดือนแรกปีนี้ยอดขายยังคงขยายตัวได้ดีตามปริมาณตู้เต่าบินที่กระจายทั่วไปทั่วประเทศเพิ่มขึ้น

โดยปัจจุบันมีตู้เต่าบินที่ให้บริการอยู่ประมาณ 2,900 ตู้ ซึ่งสัดส่วนกว่า 53% กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ส่วนที่เหลือ 47% อยู่ในต่างจังหวัด คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะแตะที่ระดับมากกว่า 6,000 ตู้ได้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ปีนี้วางไว้ว่าจะขยายตู้เพิ่มแตะ 5,000 ตู้

สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/65 จะสามารถเติบโตได้จากข่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโตจากไตรมาส 2/65 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,250 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 147 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากทั้ง 3 ธุรกิจที่ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ โซลูชั่นส์ ที่เป็นส่วนงานที่รับงานโครงการ จัดหา จัดจ้างและวางระบบต่างๆ จากภาครัฐและภาคเอกชนนั้น บริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 643 ล้านบาท จาก 4 โครงการ ได้แก่ กรมคุมประพฤติ, การไฟฟ้านครหลวง, กรมการปกครอง และกระทรวงการอุดมศึดษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 80-90% จะทยอยส่งมอบและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในส่วนที่เหลือจะสามารถส่งมอบได้ในปีถัดไป

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ จากทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่กว่า 17 โครงการ ในปี 65-66 จากหน่วยงานการไฟฟ้า 5, หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอุดมศึกษา 2, หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม 2 และหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม มูลค่ารวมมากกว่า 9,700 ล้านบาท ซึ่งกว่า 60-70% เป็นส่วนงานต่อเนื่องจากโครงการที่บริษัทเคยรับมาแล้วก่อนหน้านี้

ด้านธุรกิจอีเอ็มเอส (EMS) ที่ดำเนินการจัดหา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งงานสั่งผลิตและอุปกรณ์ทั่วไปนั้น ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ จากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หนุนให้มี Backlog กว่า 1,400-1,500 ล้านบาท จะสามารถส่งมอบและรับรู้เป้นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 65 ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีลูกค้ารายย่อยใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย เบื้องต้นคาดว่าในช่วงปลายปี 65 จะมีการเซ็นสัญญาผลิตเข้ามาได้เพิ่มบางส่วน และคาดว่าจะเห็นคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 66 เป็นต้นไป ในขณะเดียวกันการขยายการติดตั้งตู้เต่าบินเพิ่มอย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีนี้ ทำให้ธุรกิจ EMS ยังสามารถรับรู้รายได้จากการประกอบตู้เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส เป็นส่วนงานที่ให้บริการธุรกรรมการเงินออนไลน์ จำหน่ายสินค้าและบริการผ่านตู้อัตโนมัติ ได้แก่ ตู้บุญเติม ต้องยอมรับว่ายอดการเติมเงินอยู่ในทิศทางขาลง แต่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับตู้เดิมที่มีให้สามารถขยายการให้บริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการปล่อยกู้และการถอนเงินสด, ส่วน EV Chang มองว่าเทรนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจ ปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการหลายรายติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนช่วยฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตได้

Back to top button