PTG รุกดันสัดส่วน “นอนออยล์” แตะ 20% ยันเป้า “อิบิทด้า” ปีนี้โต 20%

PTG เดินหน้าขยายธุรกิจ “นอนออยล์” ดันสัดส่วนเพิ่มขึ้น 20% เพิ่มสาขาร้านกาแฟพันธ์ไทย-ออโต้แบคส์ พร้อมเบนเข็มรุกธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะ กำลังการผลิต 4.5 เมกะวัตต์ พร้อมติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว 35 แห่งทั่วประเทศ ยันคงเป้า EBITDA ปีนี้เติบโต 15-20% ขณะที่ D/E Ratio ที่ 1.40 เท่า 


นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2565 ยังเติบโตต่อเนื่อง หลังจากการกลับมาใช้น้ำมันตามปกติและยังคงเป็นตัวหลักของการเติบโต แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะเร่งเน้นสัดส่วนของธุรกิจ (Non-oil) ให้เพิ่มมากขึ้นโดยขณะนี้อยู่ที่ 16-17% และภายในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนให้มากกว่า 20%

ทั้งนี้ ภายใน 1-2 ปีนี้บริษัทฯจะเน้นขยายธุรกิจในส่วนของ Non-oil มากขึ้นโดยจะใช้เงินลงทุนปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยจะมีการขยายร้านอาหาร สาขาร้านกาแฟพันธ์ไทยโดยเฉพาะให้ได้ 600 สาขาภายในปีนี้ รวมถึงขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร “ออโต้แบคส์” ภายในปีนี้ให้ครบ 30 สาขา หลังจากในปัจจุบันธุรกิจโตเกิน 100%

นอกจากนี้จะรุกธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทางบริษัทจะเปิดตัวเป็นทางการอย่าง เม็กมี ซึ่งเป็นแบบฟอร์มชำระเงินที่ได้ใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และยังมีธุรกิจของสามร้อยหกสิบพัฒน์เป็นแบบฟอร์มสามารถลดต้นทุนของโลจิติกส์แบบฟอร์ม เป็นการให้บริการของรถเชิงพาณิชย์เข้ามาเพื่อหางานและสินค้าที่ตรงกับงาน โดยคาดว่า PTG จะเข้าไปในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งยังมองไปธุรกิจทางด้านการเงินมองไปในส่วนของแอบเพชั่น และมองไปในส่วนของธุรกิจประกันภัยอีกด้วย

ส่วนด้านโรงไฟฟ้าขยะในปีนี้ชนะการประมูลโดยเป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเทศบาลบ้านผือ มีการจัดการขยะราว 200 ตันต่อวัน คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในต้นปี 2566 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 4.5 เมกะวัตต์  พร้อมกับจะมีโรงไฟฟ้า RDF ด้วยต้องมองไปกับการจัดการสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วยกัน และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2566-2567 ขณะที่สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าทางบริษัทได้มีการติดตั้งไปแล้ว 35 แห่งทั่วประเทศ

นายรังสรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 3/2565 ผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่เป้าหมายทั้งปีนี้ยอดขายเติบโต 6-10%  และยังคงเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปีนี้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าการตลาดที่คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.70 บาท/ลิตร และการควบคุมต้นทุนได้ดี ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน D/E Ratio อยู่ที่ 1.40 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากลูกหนี้การค้า

สำหรับความคืบหน้าการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนของธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ภายใต้บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัดเตรียมที่จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่เกินไตรมาส 4/2565 และคาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในไตรมาสแรกปี 2566

ด้านธุรกิจกัญชง-กัญชาทาง PTG ยังคงรอดูความชัดเจนไม่ได้ทิ้ง ซึ่งบริษัทคงมีโปรดักส์ แต่อยู่เพียงรอสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่กำลังขอรอดูประกาศที่ชัดเจนของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตามโปรดักส์ที่จะทำจะรวมกับพัฒมิตรเดิมๆโดยจะทำธุรกิจในส่วนของปลายน้ำ

ขณะที่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังพิจารณาไฟลิ่ง ซึ่งค่อนข้างช้าเพราะ 4-5 เดือนที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างมาก แต่ยังเป็นข่าวดีที่ทาง ก.ล.ต. พิจารณาไฟลิ่งของบริษัทแล้วคาดว่าปลายปีนี้จะได้ โดยทาง PTG จะเป็นเพียงนายหน้าในการซื้อขายเหรียญ

Back to top button