SEAFCO ลุ้นครึ่งปีหลังฟื้นตัว วางเป้ารายได้ปีนี้พันล้าน ตุนแบ็กล็อก 1.2 พันล้าน

SEAFCO ลุ้นครึ่งปีหลังฟื้นตัว วางเป้ารายได้ปีนี้ 1 พันล้าน หลังตุนแบ็กล็อก 1.2 พันล้าน ลุ้นผลประมูลงานใหม่จาก 135 โครงการมูลค่าราว 8.79 พันล้าน ฟากปัญหาขาดแรงงานเริ่มคลี่คลาย สิ้นปีนำเข้า 400-450 คน


นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผย ภาพรวมข้อมูลของบริษัทในงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 ว่าเปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 พลิกขาดทุนสุทธิ 100.15 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.97 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 407.59 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 948.04 ล้านบาท รายได้ลดลงเนื่องจากมีวันหยุดยาวค่อนข้างมากและปัญหาขาดแคลนแรงงาน

อย่างไรก็ตามผลงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากได้เตรียมเพิ่มแรงงานอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้โดยแนวโน้มในไตรมาส 3/65 จะเริ่มมีการรับงานโครงการรถไฟสายต่างๆ ,โครงการทางยกระดับพระราม 2-บ้านแพ้ว รวมทั้งโครงการ Central Embassy เริ่มปลายไตรมาส 3/65

ส่วนไตรมาส 4/65 คาดว่าจะมีงานรถไฟฟ้าสีต่างๆและงานสาธารณูปโภคอื่นๆ และทำงานต่อเนื่องโครงการทางด่วนพระราม 2 และโครงการ Central Embassy และงานสีม่วงใต้เข้าประมาณปลายไตรมาส 4/65

ส่วนภาพรวมทั้งปี 65 บริษัทวางเป้าหมายรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะครึ่งปีหลังปัญหาขาดแคลนแรงงานจะเริ่มคลี่หลาย โดยคาดว่าจะมีแรงงานเข้ามาประมาณ 400-450 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 240 คน

สำหรับปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) สิ้นสุด ณ 22 ส.ค.2565 ราว 1,283.41 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงการภาคเอกชนคิดเป็น 75% มูลค่า 956.33 ล้านบาท และภาครัฐ 25% มูลค่า 327.08 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะทยอยรับรู้ประมาณ 300-400 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังเดินหน้าเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเดือนมิ.ย.64-24 ส.ค.65  เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่องรวม 135 โครงการ มูลค่ารวม 14,680 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงการภาคเอกชน 86 โครงการ มูลค่า 7,251 ล้านบาท และ โครงการภาครัฐบาล 49 โครงการ มูลค่า 7,429 ล้านบาท โดยมูลค่างานดังกล่าวบริษัทได้รับงานแล้ว 16.18% หรือมูลค่าประมาณ 952 ล้านบาท โดยยังมีงานประมูลรอประกาศผลมูลค่า 8,793 ล้านบาทคาดจะทยอยรู้ผลการประมูลงานในปีนี้

Back to top button