เปิดโผ “ท็อป 10” หุ้น SET50 เดือนส.ค.พุ่งแรง! BH โกยรีเทิร์นเฉียด 19%

เปิดโผ “ท็อป 10” หุ้น SET50 เดือนส.ค.65 ราคาพุ่งแรง! BH นำทีมโกยรีเทิร์นเฉียด 19% โบรกอัพเป้าใหม่ 245 บ. รับผู้ป่วยต่างชาติเพิ่ม คาดกำไร TOP ปี 65 โตแกร่ง 188% ประเมินไตรมาส 3/65 ผลงาน AWC โตต่อเนื่อง เคาะเป้า SPRC ที่ 70 บ.ชี้คาดต้นทุนลด-ยอดขายบรรจุภัณฑ์เพิ่ม ส่วน CRC คาดกำไรปกติโต 3 เท่า


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET50 ในช่วงเดือนส.ค.65 เพื่อให้เห็นทิศทางหุ้นรายใดปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยตลาดหุ้นไทยยังคงเกิดความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ อาทิ ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นแรง การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น

โดยกลุ่มหุ้น SET50 ถือเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายของนักลงทุน เนื่องจากมีพื้นฐานแข็งแกร่งและเติบโตดีในอนาคต โดยหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง 5 อันดับของเดือนส.ค.65 ได้แก่ BH, TOP, AWC, SCGP, CRC, BDMS, CPN, JMART, SCB และ GULF

บล.ดาโอ ระบุนบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 245 บาท อิง PER ปี 66 ที่ 45 เท่า จากเดิม 222 บาท อิง PER ปี 66 ที่ 45 เท่า จากการปรับกำไรขึ้น โดยมีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ (19 ส.ค.) จาก outlook ที่ดีขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญได้แก่ 1) ในไตรมาส 3/65 ธุรกิจโรงพยาบาลจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อนและเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากผู้ป่วยต่างชาติ หลังไตรมาส 2/65 มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 62%

รวมทั้ง 2) ธุรกิจ Vitallife & Rakxa มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและต่างชาติ จาก 118 รายในไตรมาส 1/65 เป็น 140 รายในไตรมาส 2/65 และมีรายได้เติบโต 5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หนุนจาก OP Visit ที่เติบโตมากถึง 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น 28% และปี 2566 ขึ้น 10% เพื่อสะท้อนของกำไรในครึ่งแรกปี 65 ที่ดีกว่าคาดจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เร็วกว่าคาด โดยประเมินกำไรสุทธิปี 65 ที่ 3,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220% เมื่อเทียบจากปีก่อน และปี 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน หนุนโดยรายได้รวมขยายตัว 16% เมื่อเทียบจากปีก่อน คาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างชาติในปี 65 อยู่ที่ 62% และปี 66 ที่ 67% ตามลำดับ

นอกจากนั้นยังระบุในบทวิเคราะห์ คงคาแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 65 บาท (57.50 บาท หลัง XB, fully diluted) อิง PBV ปี 65 ที่ 0.92 เท่า โดยมีมุมมองเป็นกลางหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ มองว่ากำไรของธุรกิจโรงกลั่นจะอ่อนตัวจากจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 2/65 จากต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ลดลงและพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 3/65 แต่จะฟื้นตัวในไตรมาส 4/65 ตามปริมาณคงคลัง (โดยเฉพาะ diesel) ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวและอุปสงค์ gas-to-oil ที่สูงขึ้นในฤดูหนาว ทั้งนี้บริษัทได้ให้อัพเดทโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ซึ่งบริษัทมองว่าต้นทุนที่สูงขึ้นจากการก่อสร้างที่ล่าช้าจากการระบาดของ COVID-19 จะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้

ทั้งนี้คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 3.62/1.54 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1.26 หมื่นล้านบาทในปี 2564 โดยประเมินว่ากำไรปี 65 จะเติบโต 188% เมื่อเทียบจากปีก่อน จาก 1) ค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่สูงขึ้นตาม crack spread 2) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (stock gain) ที่สูงขึ้น และ 3) รับรู้กำไรจากการขายหุ้น GPSC แต่คาดว่ากำไรปี 66 จะลดลง 57% เมื่อเทียบจากปีก่อน สู่ระดับปกติหลักๆ จาก 1) Crack spread ที่ลดลงและ 2) รับรู้ stock loss

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดผลประกอบการของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ในไตรมาส 3/65 จะดีต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่สูงขึ้น หลังรัฐบาลยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส และอนุญาตให้ผู้โดยสารต่างชาติเข้าประเทศ และส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง แนะนำราคาเป้าหมาย 6.55 บาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ราคาพื้นฐาน 70 บาท เนื่องจาก 1) คาดว่าต้นทุนวัตถุดิบ และต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มดีขึ้น 2) ธุรกิจ E-commerce คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตราว 14.79% และ Food Delivery มีอัตราการเติบโตสูง หนุนปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ 3) กลยุทธ์การเติบโตที่ทำให้มี Economy of scale และ Synergy ไปพร้อมๆ กัน ทำให้ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 16%

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อหุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC จากการเข้าฟังประชุม หลักๆ เกิดจาก 1.) upside ของเป้าหมายดาเนินงานปีนี้ของบริษัท โดยหากเทียบเคียงกับประมาณการของบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมีโอกาสเกิด upside ฝั่งยอดขายมากสุดจากปัจจุบันที่คาดบล.โนมูระ พัฒนสิน ทั้งปีโต 10%

ทั้งนี้เบื้องต้นทุกยอดขายที่ปรับขึ้น 1% จะมีเกิด upside ต่อกำไรราว 1.5% และราคาเป้าหมายขึ้น 0.50 บ./หุ้น จากปัจจุบันที่บล.โนมูระ พัฒนสิน ประมาณการกำไรปกติปี 65 โตก้าวกระโดด 3,055% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 6 พันล้านบาท และมีราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 48 บาท

Back to top button