“น้ำตาลโลก” แตะ 18.38 เซนต์ จับตา KSL-BRR-KTIS-KBS รับประโยชน์

จับตา 4 หุ้นน้ำตาลว ขานรับดัชนีราคาน้ำตาลโลกพุ่ง 18.38 เซนต์/ปอนด์ ชู KSL เด่นคาดปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 66 เพิ่มขึ้นแตะ 8.20 ล้านตันอ้อย ยอดขายโตตามราคาน้ำตาล  โบรกเคาะเป้า 4.70 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ย. 65) ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวขึ้นจากดัชนีน้ำตาล (Sugar No.11) อยู่ที่ระดับ 18.38 เซนต์/ปอนด์ ปรับตัวขึ้นรอบใหม่หลังจาก ณ วันที่ 8 ก.ย. 65 อยู่ที่ระดับ 17.93 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.45 เซนต์ หรือขึ้นไป 2.51% ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ จีน  ไต้หวัน ขณะเดียวกันผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง อินเดีย ก็ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะมีการส่งออกของรัฐบาลอินเดีย และดีมานด์ของเวียดนามก็กลับเข้ามาในตลาด โดยมีการนำเข้าน้ำตาล ราว 1-2 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำตาล

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นคาดว่าหุ้นบริษัทที่อยู่ในตลาดอาจได้รับประโยชน์ช่วงระยะสั้น ได้แก่ KSL, BRR, KTIS และ KBS

โดยหุ้นที่น่าจับตาอาจได้รับประโยชน์สูงสุด บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เพราะจากข้อมูล นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ KSL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 66 ที่จะเริ่มฤดูกาลหีบอ้อยในช่วงเดือน พ.ย.65 ไปจนถึงเดือน มี.ค.66 จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 8.20 ล้านตันอ้อย และมีปริมาณการผลิตน้ำตาลราว 9 แสนตัน จากปี 65 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 6.56 ล้านตันอ้อย คิดเป็นปริมาณการผลิตน้ำตาลประมาณ 6.9-7 แสนตัน เป็นผลจากสภาวะอากาศที่เอื้อต่ออ้อย

ขณะที่คาดปริมาณการขายในปี 66 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากราคาขายน้ำตาลที่ปรับตัวขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ราคาน้ำตาลจะอยู่ที่ราว 18 เซ็นต์/ปอนด์ บวก-ลบ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ จีน  ไต้หวัน ขณะเดียวกันผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง อินเดีย ก็ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะมีการส่งออกของรัฐบาลอินเดีย และดีมานด์ของเวียดนามก็กลับเข้ามาในตลาด โดยมีการนำเข้าน้ำตาล ราว 1-2 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำตาล

ส่วนบริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) (TCSC) ได้มีการทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในปี 66 ไปแล้วถึง 50% เป็นราคาน้ำตาลที่ประมาณ 20.20 เซนต์/ปอนด์ มีค่าเฉลี่ยของค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.80 บาท/ดอลลาร์ โดยราคาน้ำตาลใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ค่าเงินบาทดีขึ้นประมาณ 2 บาท ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำตาลหรือโรงงานน้ำตาลมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น

ด้านนายชลัช กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณการขายในครึ่งหลังปี 65 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากอ้อยที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯ ขณะที่ธุรกิจเอทานอล ยอมรับว่าครึ่งปีแรกยังไม่ค่อยดี จากวัตถุดิบปรับตัวขึ้นสูง และสถานการณ์ก็ไม่ได้ทำให้ราคาเอทานอลปรับตัวขึ้นไปตามต้นทุน แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าราคาจะค่อยๆ ขยับขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการของเอทานอลดีกว่าครึ่งปีแรก หรือกลับมามีกำไรที่ดีขึ้นพอสมควร ทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า KSL กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 827% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าคาดมากและสูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส หนุนจากทั้งปริมาณขายน้าตาลที่พุ่งแรงตามฤดูกาลส่งออกและฐานต่ำปีก่อนจาก COVID-19 ส่วนราคาขายสูงจากการล็อคราคาล่วงหน้า ส่งผลให้ Gross Margin เร่งขึ้นและ SG&A/Sales ปรับลดลง รวม 9 เดือนแรกปี 65 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 171% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมากกว่าที่คาดทั้งปีไปแล้ว ขณะทีแนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดอ่อนตัวลงตามฤดูกาล อยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกาไรและราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันที่ 4.70 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

Back to top button