AAI ปลื้ม! กองทุนแห่ซื้อหุ้น “ไอพีโอ” ล้นหลาม 10 เท่า จ่อขายรายย่อย 21-26 ต.ค.นี้

AAI ปลื้ม ยอดจองซื้อหุ้น “ไอพีโอ” นักลงทุนตอบรับล้นหลามเกือบ 10 เท่า เปิดจองซื้อ 17-21 ต.ค.นี้ และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อในระหว่างวันที่ 21, 25 – 26 ต.ค.65 เตรียมเข้าเทรด SET วันที่ 1 พ.ย.65


นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ภายหลังจาก บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 5.55 บาท ซึ่งนักลงทุนสถาบันในประเทศได้แสดงความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ของ AAI มากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรเกือบ 10 เท่า สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจพร้อมโอกาสการเติบโตในอนาคต สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีความต้องการสูง

หลังจากนี้ บริษัทเตรียมดำเนินการเสนอขายหุ้น IPO ของ AAI ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจองซื้อในวันที่ 17 – 21 ตุลาคม 2565 และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อในระหว่างวันที่ 21, 25 – 26 ตุลาคมนี้ต่อไป

โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายการขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565

ด้าน นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ AAI ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกมีมูลค่า 1.10 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกว่าจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.63 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.03 ต่อปีจากมูลค่าในปี 2564

โดยมีปัจจัยหลักมาจากผู้บริโภคมีความต้องการที่จะเลี้ยงสัตว์และผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตไปด้วย

ทั้งนี้ บริษัทได้มองเห็นอุปสงค์ความต้องการอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จึงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตภายใน 3-5 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงจะนำองค์ความรู้และประสบการณ์การผลิตสินค้าให้กับสินค้าแบรนด์ระดับโลกมาพัฒนาแบรนด์สินค้าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

Back to top button